9- การรวบรวมอัลกุรอาน และการติดตามอัลกุรอาน
15:33:00
9- การรวบรวมอัลกุรอาน และการติดตามอัลกุรอาน
1- คำว่า “รวบรวมอัลกุรอาน” บางครั้งอาจหมายถึง
การจดจำไว้ในใจ
บางครั้งก็หมายถึงการบันทึกลงในสิ่งต่างๆ ที่บันทึกได้.
สำหรับการรวบรวมอัลกุรอานในความหมายที่ว่าจดจำไว้ในใจนั้นเป็นเป้าหมายสำคัญของท่านรอซูลุ้ลเลาะห์
(ซ.ล) และเหล่าซอฮาบะห์ของท่าน
เพราะอัลกุรอานถูกประทานลงมายังท่านนบี (ซ.ล) อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแต่เหตุการณ์
และภาวะต่างๆที่เกิดขึ้น ท่านนบี (ซ.ล) ได้รับอัลกุรอานด้วยความอยากได้
และด้วยการให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ถึงขึ้นที่ว่าท่านนบี (ซ.ล) บางครั้งพยายามออกเสียงอายะห์ที่ลงมาก่อนที่ ญิบรีลจะออกเสียงอายะห์นั้นเสร็จ.
ที่ท่านนบี(ซ.ล) ทำอย่างนั้นเพราะต้องการรีบจดจำอัลกุรอาน, และเก็บรวบรวมไว้ในใจ
เพราะกลัวว่าจะมีคำใดสูญหายไป หรืออักษรใดตกหล่นไป เหตุการณ์ดำเนินไปในลักษณะอย่างนี้
จนอัลเลาะห์ผู้สร้างที่ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรได้ให้ความมั่นใจแก่ท่านนบี (ซ.ล) ว่าพระองค์จะรวบรวมอัลกุรอานให้แก่ท่าน
อยู่ในใจของท่าน และห้ามท่านรีบอ่านก่อนที่ญิบรีลจะอ่านให้ท่านฟังเสร็จ อัลเลาะห์ ตาอาลาตรัสว่า
{ لاَ
تُحَرِّكْ لِسَانَكَ لِتَعْجَلَ بِهِ * إِنَّ عَلَيْنَا جَمْعَهُ وَقُرْآنَهُ *
ثُمَّ إِنَّ عَلَيْنَا بَيَانَهُ }
“โอ้มุฮำหมัดเจ้าอย่างขยับลิ้นของเจ้าอ่านอัลกุรอาน
เพราะเจ้ารีบร้อนอ่านก่อนที่ญิบรีลจะอ่านเสร็จ แน่แท้เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องรวบรวมอัลกุรอาน
ไว้ในอกของเจ้าและเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องอ่านอัลกุรอานเพื่อให้เจ้าจดจำ
ดังนั้นเมื่อเราได้ให้ญิบรีลอ่าน อัลกุรอานให้เจ้าฟัง
เจ้าจงอ่านตามโดยไม่ต้องรีบร้อน หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะอธิบายอัลกุรอาน
“
(อัลกิยามะห์
16- 19)
หมายความว่า
: โอ้ศาสนทู๖ผู้ทรงเกียรติ
เจ้าอย่าขยับลิ้นของเจ้าอ่านอัลกุรอาน ก่อนที่ญิบรีลจะอ่านให้เจ้าฟังเสร็จสิ้นลง
เพราะด้วยความโปรดปรานและเมตตาของเรา ได้ให้สัญญาไว้ว่าจะรวบรวมอัลกุรอานไว้ในใจของเจ้า
และด้วยการที่ญิบรีลอ่านอัลกุรอานให้เจ้าฟัง,
ดังนั้นเมื่อญิบรีลได้อ่านอัลกุรอานให้เจ้าฟัง เจ้าจงอ่านตามการอ่านของเขา, และเป็นหน้าที่ของเราที่จะอธิบายสิ่งที่เร้นลับเหนือท่าน, และที่เหมือนกับอายะห์นี้ก็ได้แก่คำดำรัสของพระองค์ที่ว่า
:
{ فَتَعَالَى
اللهُ الْمَلِكُ الْحَقُّ وَلاَ تَعْجَلْ بِالْقُرْآنِ مِنْ قَبْلِ أَنْ يُقْضَى
إِلَيْكَ وَحْيُهُ وَقُلْ رِبِّ زِدْنِيْ عِلْمًا }
“ ดังนั้น อัลเลาะห์ทรงสูงส่ง
ทรงอำนาจปกครองอย่างแท้จริง และเจ้าอย่าเร่งรีบในการอ่านอัลกุรอาน
ก่อนที่วะฮีย์ของอัลเลาะห์จะจบลง
และจงกล่าวเถิดว่า ข้าแด่องค์อภิบาลของฉัน ได้โปรดเพิ่มพูนวิชาการให้แก่ฉันด้วยเถิด
“
(ตอฮา : 114)
2- สำหรับซอฮาบะห์ของท่านนบี (ซ.ล)นั้นการจดจำอัลกุรอานถือเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งของพวกเขา, ทรัพย์สิน
และบริวารลูกหลานจะไม่ทำให้พวกเขาพะวงจนทอดทิ้งการจดจำอัลกุรอาน, แต่พวกเขาจะแข่งขันกันจดจำอัลกุรอานไว้ในใจของพวกเขา
และชิงกันทบทวนและทำความเข้าใจอัลกุรอาน
และจำนวนอัลกุรอานที่จดจำไว้ได้จะเป็นเครื่องวัดความมีเกียรติของพวกเขา, ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล)ส่งเสริมพวกเขาอย่างจริงจังให้จดจำอัลกุรอาน
อย่างไม่มีอะไรเกินหน้า ดังคำพูดของท่านที่ว่า :
“ คนที่ดีของพวกท่านคือผู้ที่เรียนอัลกุรอาน และสอนอัลกุรอาน “
อุบาดะห์
บิน ซอมิด (ร.ด) กล่าวว่า : “ คนหนึ่งเมื่อต้องการอพยพ ท่านนบี (ซ.ล) จะส่งเขาไปหาคนหนึ่งจากพวกเราเพื่อให้สอนอัลกุรอานแก่เขา, และเคยเกิดเสียงอึกทึกอันเนื่องมาจากการอ่านอัลกุรอานในมัสยิดของท่านรอซูลุ้ลเลาะห์
(ซ.ล) จนในที่สุดท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) ได้ใช้พวกเขาให้ลดเสียงลง
เพื่อไม่ให้พวกเขาสับสน “
และเนื่องมาจากความรักอันแรงกล้าที่จะจดจำอัลกุรอาน, ทำให้จำนวนผู้จดจำอัลกุรอานในยุคท่านนบี
มีมาก.
ส่วนหนึ่งของผู้ที่จดจำอัลกุรอานคือ
: คอลีฟะห์ อัรรอชิดูนทั้งสี่ท่าน
และคนอื่นๆอีกเช่น ตอลฮะห์ บิน อุบัยดิ้ลลาห์,
สะอัด
บิน อะบีวักกอส, อับดุลเลาะห์ บิน อุมัร, อับดุลเลาะห์ บิน อัมร์ บิน อัลอาส, อุบัยย์ บิน กะอับ, และเซด บิน ซาบิต (ร.ด).
สรุปความ
: มีซอฮาบะห์เป็นจำนวนมากที่จดจำอัลกุรอานได้ทั้งหมด
ในขณะที่ท่านนบี (ซ.ล) มีชีวิตอยู่, หรือจดจำได้น้อยกว่านั้น, ซึ่งแต่ละคนจะจดจำตามกำลังความสามารถของตน, ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีส่วนร่วมกันในความรักที่มีต่ออัลกุรอาน, และปรารถนาจะจดจำและรับฟังอัลกุรอาน.
3-การรวมอัลกุรอานในความหมายที่ว่า : เป็นการจดจำอัลกุรอานไว้ในใจนั้นไม่ได้ห้ามที่ซอฮาบะห์จะบันทึกอัลกุรอานเป็นลายลักษณ์อักษร
ตามแต่สื่อในการเขียนและอุปกรณ์การเขียนจะเอื้ออำนวยให้ในยุคนั้น. และการบันทึกอัลกุรอานได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ในสามยุคคือ
:
ยุคที่หนึ่ง
: เป็นการรวบรวมในชีวิตของท่านรอซูลุ้ลเลาะห์
(ซ.ล), ท่ารอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) ได้แต่งตั้งผู้ทำหน้าที่บันทึกอัลกุรอานเมื่อถูกประทานลงมา
ที่เป็นซอฮาบะห์ชั้นนำหลายท่านได้แก่ คอลีฟะห์ อัรรอชิดูนทั้งสี่ท่าน, เซด บิน ซาบิต, อุบัยย์
บิน กะอับ, อับบาน บิน สะอีด, และท่านอื่น ๆ.
เล่าจากอิบนิ
อับบาส (ร.ด) ว่าเขาได้กล่าวว่า : ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) นั้นเมื่อมีซูเราะห์หนึ่ง หรือหนึ่ง อายะห์
หรือหลายอายะห์ถูกประทานลงมา ท่านจะเรียกผู้ทำหน้าที่บันทึกมา
และกล่าวแก่พวกเขาว่า :
“ พวกท่านจงใส่ซูเราะห์นี้
หรืออายะห์นี้ หรือหลายๆอายะห์นี้ ไว้ในที่นั้นๆ ซึ่งท่านจะระบุที่ให้ “
มีซอฮาบะห์บางท่านบันทึกอัลกุรอาน
หรือฮะดีษ ที่เขาได้ยินมาจากท่านนบี (ซ.ล) เช่นอับดุลเลาะห์ บิน อัมร์ บิน อัลอาส (ร.ด), บางคนพอใจในสิ่งที่เขาจดจำไว้ในใจเพราะเขาเป็น
อุมมีย์ ไม่รู้จักการอ่านเขียน, โดยทั่วไปแล้วซอฮาบะห์ทั้งหลายเป็น อุมมีย์ คือไม่รู้จักการอ่านเขียน พวกเขาใช้วิธีการจดจำสิ่งที่ควรจะจดจำอันได้แก่สายตระกูล ประวัติศาสตร์ของพวกเขา และคำโคลงของพวกเขา
โดยอาศัยความจำของเขาที่อัลเลาะห์ ตาอาลาประทานมันให้แก่พวกเขา.
สรุปความ : อัลกุรอานในสมัยท่านนบี (ซ.ล)นั้นซอฮาบะห์บางท่านจดจำไว้ในใจ, บางท่านใช้วิธีการบันทึกรวมกับที่จดจำไว้ในใจ เพื่อสิ่งที่จดจำไว้จะได้ตรงกับที่ได้บันทึกไว้.
4- เมื่อท่านนบี(ซ.ล) จากไปสู่ความเมตตาของอัลเลาะห์ และอะบูบักร์ อัซซิดดีก
ได้เข้าดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์, ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมายเช่นการรบระหว่างมุสลิมกับพวกที่ทิ้งศาสนาอิสลาม
(มุรตัดดีน), เป็นเหตุทำให้นักจดจำอัลกุรอานเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากจากการรบหลายครั้งนี้, เช่นที่เกิดขึ้นในสงคราม
อัลยะมามะห์ ซึ่งเกิดขึ้นในปีที่สิบสองภายหลังการฮิจเราะห์ –หมายความว่า- : ภายหลังท่านรอซูลุ้ลเลาะห์
(ซล) เสียชีวิตสองปีโดยประมาณ – ซึ่งเป็นเหตุให้นักจดจำอัลกุรอานเสียชีวิตมากกว่าเจ็ดสิบคน.
ด้วยเหตุนี้อุมัร
บิน คอตตอบจึงได้มาหา อะบูบักร์ อัซซิดดีก และกล่าวแก่เขาว่า : “ การสังหารได้เกิดกับนักจดจำอัลกุรอานอย่างร้ายแรง, ฉันขอเสนอแก่ท่านว่าให้พวกเราบันทึกอัลกุรอาน
เพื่อรักษาอัลกุรอานเอาไว้, ภายหลังจากนักจดจำอัลกุรอานจำนวนมากมายนี้ได้ถูกสังหารในช่วงที่มีการสู้รบกับ
มุซัยลิมะห์ อัลกัซซาบ “. อะบูบักร์ ลังเลใจในครั้งแรกที่จะปฏิบัติตาม, แต่อุมัร
ยังคงตามกระตุ้นอะบูบักร์อยู่เสมอ
จนในที่สุดได้ทำให้อะบูบักร์พอใจกับแนวคิดนี้
คือแนวคิดที่จะบันทึกอัลกุรอาน.
ภายหลังจากอะบูบักร์
อัซซิดดีก(ร.ด) พอใจกับแนวคิดนี้แล้ว เขาจึงได้เรียก เซด บิน ซาบิต
ซึ่งเป็นซอฮาบะห์ที่มีความรู้เรื่องการเขียนดี และจดจำอัลกุรอานได้มาก. และได้สั่งการให้เขาบันทึกอัลกุรอารลงในแผ่นกระดาษ
แผ่นหนัง และวัสดุต่างๆ ที่หาได้ง่ายในยุคนั้น,
และมีซอฮาบะห์บางท่านช่วยเหลือเซด
ในการทำงานสำคัญชิ้นนี้ .
หลังจากเซด
บิน ซาบิต
ได้บันทึกอัลกุรอานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เขาได้มอบอัลกุรอานที่บันทึกไว้ให้แก่อะบูบักร์ อัซซิดดีก, ซึ่งอะบูบักร์
ได้เก็บรักษาแผ่นหนัง และแผ่นกระดาษเหล่านี้ที่บันทึกอัลกุรอานแล้วเอาไว้
จนเขาเสียชีวิต, ผู้ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ที่สองคืออุมัร บิน
คอตตอบ จึงได้รับแผ่นบันทึกอัลกุรอานเหล่านี้ไปเก็บรักษาไว้, และเมื่ออุมัรเสียชีวิตลงด้วยน้ำมือของอะบูลุอ์ลุอ์
อัลมะญูซีย์,บุตรีของท่านอุมัรคืออุมมุ้ล
มุอ์มินีน ฮัฟเซาะห์ (ร.ด) ก็ได้เก็บรักษาแผ่นบันทึกนั้นไว้ต่อไป.
5-หลังจากอุสมาน
บิน อัฟฟาน (ร.ด) เข้าดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์
ภายหลังจากอุมัร บินคอตตอบถูกสังหาร
อาณาจักรของอิสลามได้ขยายกว้างออกไปทั้งทิศตะวันออก และทิศตะวันตก
เหล่าซอฮาบะห์แยกย้ายกันไปประจำตามหัวเมืองต่างๆ , ชาวหัวเมืองต่างๆ
ได้ศึกษาอัลกุรอานจากซอฮาบะห์ที่มีชื่อเสียงที่ไปประจำอยู่ในหัวเมืองนั้น ๆ.และได้พบว่ามีการออกสำเนียงการอ่านอัลกุรอานที่ไม่ตรงกันบางอย่าง
อันมีสาเหตุมาจากความแตกต่างของภาษาและสำเนียงของแต่ละหัวเมือง, นักจดจำอัลกุรอานบางคนเริ่มมีการติเตียนกันว่าอ่านผิด, จนเกือบเป็นเหตุให้เกิดความปั่นป่วน (ฟิตนะห์)
ขึ้นในหมู่มุสลิมด้วยกัน, มีซอฮาบะห์ท่านหนึ่งมาหาอุสมาน (ร.ด) แล้วกล่าวแก่เขาว่า : “ ฉันได้พบกับมวลมุสลิม
พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องการอ่านของพวกเขา
และการขัดแย้งดังกล่าวอาจทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันในหมู่พวกเขา “
อุสมาน (ร.ด) ได้เรียกประชุมซอฮาบะห์ อาวุโสทันที และได้ ปรึกษาหารือกับพวกเขาในเรื่องดังกล่าว, พวกเขาลงมติกันว่าให้ทำการบันทึกอัลกุรอานเป็นต้นฉบับเรียกว่า
มุสฮัฟ อิหม่าม ด้วยสำเนียงการอ่านของชาวกุรอยช์, ผู้รับทำหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้คือ
เซด บิน ซาบิต, อับดุลเลาะห์ บิน อัซซุบัยร์, สะอีด
บิน อัลอาส, อับดุรเราะห์มาน บิน ฮาริษ บิน
ฮิชาม, และคนอื่นๆ อีก ที่เป็นนักจดจำอัลกุรอานที่เชื่อถือได้, และซอฮาบะห์ อาวุโสอีกหลายท่าน, ในการนี้อุสมาน (ร.ด) ได้เอาแผ่นบันทึกที่ได้บันทึกกันไว้ในยุค ของอะบูบักร์, ซึ่งอุมัร
บิน อัลคอตตอบ ได้มอบให้แก่ ฮัฟเซาะห์ บุตรีของตนเก็บรักษาไว้ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์
มาและอุสมานได้มอบแผ่นบันทึกดังกล่าวให้แก่ให้แก่เซด บิน
ซาบิตและผู้ช่วยของเขาในการบันทึกอัลกุรอาน,
หลังจากเซดและคณะได้ทำการบันทึกต้นฉบับของอัลกุรอาน
ที่เรียกว่า มุซฮัฟ อิหม่าม
อย่างละเอียดและประณีตแล้ว อุสมานได้สั่งการให้พวกเขาคัดลอกอัลกุรอานจากต้นฉบับอีกหลายเล่ม, หลังจากเสร็จสมบูรณ์แล้ว อุสมานได้ส่งเล่มหนึ่งไปยังอียิปต์ , เล่มหนึ่งไปยังอิรัก, และเล่มที่สามไปยังชาม … จากนั้นอุสมาน (ร.ด) ได้สั่งการให้นักอ่านอัลกุรอานทั้งหลายสอนให้ผู้คนจดจำอัลกุรอานตามแนวทางที่
มุสฮัฟ อิหม่าม ถูกบันทึกขึ้นมา .
สำหรับงานอันยิ่งใหญ่ที่อุสมาน
บินอัฟฟาน (ร.ด) ได้กระทำขึ้นนี้ นับเป็นผลงานชิ้นสำคัญในการรวบรวมอัลกุรอาน, การจัดเก็บรักษา, และบันทึก อัลกุรอาน
ตามแนวทางที่บรรดาซอฮาบะห์ได้รับมาจากท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) โดยพวกเขาไม่ได้เพิ่มเติมหรือตัดทอนแม้เพียงอักษรเดียว.
และดังเช่นนี้ที่อัลเลาะห์
ตาอาลาจะปกปักรักษาคุ้มครองคัมภีร์ของพระองค์จวบจนวันกิยามะห์, และพระองค์ทรงสัจจะที่ได้ตรัสว่า:
{ إِنَّا
نَحْنُ نَزَّلْنَا الذِّكْرَ وَإِنَّا لَهُ لَحَافِظُوْنَ }
“ แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมา
และเราจะเป็นผู้พิทักษ์รักษาอัลกุรอาน “ ( อัลฮิจริ : 9)
0 ความคิดเห็น