6 - ประเด็นเรื่องแผนที่ยีน

02:09:00

6 - ประเด็นเรื่องแผนที่ยีน

สรุปประเด็นจากเอกสารทางวิชาการที่สืบค้นได้ดังนี้
ไม่อนุญาตให้ผู้มีหน้าที่ต้องรับรู้แผนที่ยีนนำข้อมูลแผนที่ยีนของบุคคลออกเปิดเผยแก่ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
-  การนำแผนที่ยีน  ของบุคคลออกเปิด เผยถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ และเป็นการทุจริต
ผู้ได้รับความเสียหายจากการเปิดเผยข้อมูลแผนที่ยีนมีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย และมีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชย.
การเปิดเผยข้อมูลแผนที่ยีนจะกระทำได้ในกรอบที่แคบที่สุด และเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น

เอกสารที่ใช้สืบค้นในประเด็นนี้คือ

เอกสารหมายเลข  1
แผนที่ยีน
หัวข้อฟัตวาแผนที่ยีน จำเป็นต้องปกปิด
วันที่ถาม23  เมษายน  2003
วันที่ตอบ16  กันยายน  2003
เรื่องสิทธิ


คำถาม ได้มีการประกาศ การค้นพบแผนที่ยีนของมนุษย์  ซึ่งหมายความว่าจะสามารถรู้ความลับของชีวิตมนุษย์ได้ทั้งหมด  และด้วยแผนที่นี้จะทำให้สามารถตรวจโรคภัยไข้เจ็บ และโรคทางพันธุกรรมของมนุษย์ได้  จะมีหนทางป้องกันอย่างไร  และจุดยืนทางศาสนามีว่าอย่างไร ? ขอพระผู้เป็นเจ้าตอบแทนความดีให้แก่ท่าน.
ชื่อผู้ตอบ อาจารย์ ดร. อับดุลฟัตตาฮ์ อิดรีส
คำตอบ  ในนามของอัลเลาะห์ผู้ทรงเมตตายิ่งผู้ทรงกรุณายิ่ง  มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแด่อัลเลาะห์ ขอพรและความสันติจงมีแด่ศาสนทูตของอัลเลาะห์
การค้นพบแผนที่ยีนของมนุษย์ หมาย ความว่าจะทำให้สามารถรู้ความลับชีวิตของมนุษย์ได้เป็นส่วนใหญ่ และจำเป็นต้องเก็บรักษาแผนที่นี้ไว้ในสถาน ที่ที่ปลอดภัย  เพื่อรักษาความลับของบุคคลและเพื่อความปลอดภัยของเขา  ไม่ยินยอมให้เผย แพร่แผนที่ยีน และไม่ยอมเปิดเผยสิ่งที่เป็นความลับ  เพราะการนำมาเผยแพร่เปิดเผยถือเป็นการละเมิด  และเป็นอันตรายที่ศาสนาห้ามไว้.
อาจารย์ ดร. อับดุลฟัตตาฮ์อิดรีส  อาจารย์นิติศาสตร์เปรียบเทียบมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร  และมหาวิทยาลัยเอมิเรต  กล่าวว่า
ความก้าวหน้าทางวิชาการ ในยุคปัจจุบันได้ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็วในด้านต่างๆ ของชีวิต  ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร  อุตสาหกรรม  สื่อสารมวลชน  การค้า วิทยาศาสตร์  การแพทย์  การท่องอวกาศ  หรือด้านอื่น ๆ  สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของการค้นพบทางวิทยาการ ที่นักวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่แล้วได้ปิดฉากลง  และเป็นสิ่งที่นำไปสู่ความก้าวหน้าทางด้านพันธุวิศวกรรม  น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าไปไขรหัสพันธุกรรมของมนุษย์  และพยายามเข้าถึงแผนที่ยีนของมนุษย์ทุกคน.

ความสำคัญของการไขรหัสของพันธุกรรมและอันตรายของมัน
รหัสพันธุกรรมของมนุษย์ทุกคน  เหมือนตำราที่มีข้อมูลมากมายของผู้ที่เป็นเจ้าของบรรจุอยู่ภายในเล่มของมันอย่างมากมาย  และมันจะแสดงให้เห็นความลับของชีวิตที่ละเอียดอ่อนที่สุด  และยังแสดงให้เห็นชีวิตของลูกหลาน ที่สืบสกุลไปจากเขา  และรวมถึงชีวิตบิดามารดาของเขาอีกด้วย  เช่นเดียวกับที่ถือว่ายีนนี้  ตลอดจนสิ่งที่มีอยู่ในยีน  มันเป็นยีน ที่มีรหัสอยู่ในนิวเคลียสของเซลล์มนุษย์  ที่จะไขเข้าไปสู่คุณสมบัติต่าง ๆ หรือ โรคภัยไข้เจ็บ หรือความพิการทางพันธุกรรม ที่เจาะจงแน่นอน  มันจะเป็นเหมือนกับกระจก ที่ส่องสะท้อนภาพที่เป็นจริงได้ไกลแสนไกล  สำหรับสิ่งที่เจ้าของมันจะเป็นไป  ตลอดจนถึงลูกหลานและบรรพบุรุษของเขาทั้งจากลักษณะทางพันธุกรรมต่างๆ เช่น  ความสูง  ความเตี้ย  ผิวดำแดง  ผิวแดง  ความแข็งแรงของร่างกาย  หรืออ่อนแอ  ความอ้วน  หรือผอม  ความมีลูกดกหรือเป็นหมัน เป็นต้น  ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นกระจกเงาสำหรับโรคภัยไข้เจ็บ  ความพิการที่ผู้เป็นเจ้าของมีอยู่  ซึ่งจะถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานโดยตรงหรือโดยอ้อม  ตลอดจนโรคเลือด   โรคหัวใจ  และเส้นเลือด  เช่นมีรูระหว่างโพรงหัวใจ  ลิ้นหัวใจตีบ  โรคความดันโลหิตสูง  คอลเลสเตอ -รอลในเส้นเลือดสูง  โรคเบาหวาน  โรคภูมิคุ้มกัน  รวมถึงความพิการของโครโมโซมทางร่างกาย และทางเพศ  ที่อาจถ่ายทอดถึงลูกหลาน  และนำไปสู่การแท้งของตัวอ่อน  หรือทารกที่มีรูปร่างพิการที่ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างปกติได้

การรับรู้แผนที่ยีนจะต้องอยู่ในกรอบที่แคบที่สุด
ตำราที่บรรจุข้อมูลเหล่านี้  จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับอย่างสูง  โดยจะต้องไม่ให้ผู้ใดได้รับรู้ข้อมูล นอกจากผู้ที่มีจุดมุ่งหมายที่ถูกต้องและศาสนารับรอง  ที่จะทำให้เขาได้รับอนุญาตรับรู้ความลับของเจ้าของตำรา  เช่นนายแพทย์ผู้ทำการรักษา  หรือผู้ที่ทำหน้าที่ตัดอวัยวะ  หรือ เอาอวัยวะจากเจ้าของแผนที่ยีนเพื่อปลูกให้แก่คนอื่น  หรือเพื่อย้ายมาให้เขา  หรือผู้ที่ทำหน้าที่ผสมเทียม  หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศ  หรือหน่วยงานด้านตุลาการ  หรือหน่วยงานสอบสวนคดีอาญา  เพื่อตรวจหาความถูกต้อง DNA ของเจ้าของแผนที่ยีน  ขณะที่เกิดความสงสัยในทางอาญาหรือหน่วยนิติเวชที่ต้องการยืนยันหรือปฏิเสธ การสืบสกุลของเจ้าของรหัสพันธุกรรม หรืออื่นๆ หรือแพทย์ที่ได้รับมอบหมายใ ห้ทำการตรวจผู้ที่ประสงค์จะแต่งงานกันทั้งฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง  เพื่อให้ทราบยีนของผู้ประสงค์จะแต่งงานกันว่า มีความสอดคล้อง (เข้ากันได้หรือไม่)  เพื่อจะได้ไม่ให้กำเนิดทารกที่มียีนพิการ หรือบกพร่องและบุคคลอื่นๆ ที่โดยปกติแล้วหน้าที่การงานของพวกเขาต้องรับรู้แผนที่พันธุกรรมของผู้คน  และศาสนาให้การยอมรับพวกเขา.
เมื่อพวกเขาได้รับอนุญาต ตามบัญญัติศาสนาในการเข้าไปรับรู้ รหัสพันธุกรรมของผู้คนตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องทางศาสนา  ซึ่งการรับ ทราบรหัสพันธุกรรมของพวกเขา เพื่อนำไปสู่การกระทำให้บรรลุผล  ดังนั้นข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่พวกเขาได้เข้าไปรับรู้จากรหัสพันธุกรรมนั้นถือว่าเป็นความลับที่ต้องห้าม  ซึ่งไม่อนุญาตให้พวกเขานำออกเผยแพร่ หรือประกาศให้พวกที่ไม่เกี่ยวข้องทราบหรือนำไปเปิดเผย  หรือมอบให้ผู้ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องรับรู้ โดยถือว่าข้อมูลและราย ละเอียดเหล่านี้ เป็นของฝากที่เจ้าของรหัสพันธุกรรมฝากไว้กับพวกเขา เพื่องานในหน้าที่ของพวกเขา  ถ้าหากพวกเขาไม่มีหน้าที่การงานนี้  พวกเขาก็คงจะไม่ได้รับรู้ข้อมูล และรายละเอียดเหล่านี้  และพวกเขาก็คงจะไม่สามารถ  เข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้  ดังนั้นตามหลักศาสนาจึงถือว่าไม่อนุญาตเปิด เผยข้อมูลแก่พวกที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง.

หลักฐานที่ยืนยันว่าต้องปกปิดความลับของแผนที่พันธุกรรม
ศาสนาใช้ให้เก็บรักษาของฝาก  อัลเลาะห์ตาอาลาตรัสว่า : 
{ إِنَّ اللهَ يَأْمُرُكُمْ أَنْ تُؤَدُّوْا اْلأَمَانَاتِ إِلَى أَهْلِهَا } النساء 58
แท้จริงอัลเลาะห์บัญชาใช้พวกเจ้าให้คืนของฝากแก่ผู้เป็นเจ้าของมัน ”  (อันนิซาอ์ : 58)
มีฮะดีษรายงานจาก อะบีฮุรอยเราะห์  (ร.ด.)  ว่าท่านรอซูลุ้ลเลาะห์  (ซ.ล..)  ได้กล่าวว่า :
‏( أَدِّ اْلأَمَانَةَ إِلَى مَنْ ائْتَمَنَكَ وَلاَ تَخُنْ مَنْ خَانَكَ )
رواه الترمذي
ท่านจงคืนของฝากแก่ผู้ที่มอบให้ท่านดูแล  และท่านอย่าทุจริตผู้ที่ทุจริตท่าน ”   ให้ถือว่าการไม่เก็บ
รักษาของฝากเป็นการทุจริต  และถือว่าผู้ที่ทุจริตของฝากที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลนั้น  มีลักษณะของผู้ที่กลับกลอก ( منافق )      มีรายงานจากอะบี   
ฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่าท่านศาสดา(ซ.ล..)ได้กล่าวว่า 
‏( آيَةُ ‏ ‏الْمُنَافِقِ ثَلاَثٌ إِذَاحَدَّثَ كَذَبَ وَإِذَا وَعَدَ
 وَإِذَا اؤْتُمِنَ خَانَ ) أَخْلَفَ
  “  เครื่องหมายของคนกลับกลอกมีสามอย่าง  : เมื่อเขาพูดเขาจะโกหก  เมื่อเขาสัญญาเขาจะผิดสัญญา  และเมื่อเขาได้รับความไว้วางใจเขาจะทุจริต ”   รายงานโดยติรมีซี
ท่านอิหม่ามนะวะวีย์ได้อธิบายฮะดีษนี้ว่า : นักวิชาการส่วนใหญ่ยืนยันว่าทั้งสามประการนี้คือคุณสมบัติของคนที่กลับกลอก  เมื่อผู้มีศรัทธาคนใดมีลักษณะดังกล่าว  เขาก็จะถูกเปรียบเทียบว่าเป็นคนกลับกลอก     และเขาจะถูกเรียกว่าเป็นคนกลับกลอกไปโดยปริยาย เพราะคนที่กลับกลอกคือคนที่แสดง ออกไม่ตรงกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งมันมีอยู่ในตัวของผู้มีคุณสมบัติเหล่านี้  และความกลับกลอกของเขา ก็จะเกิดขึ้นในมุมมองของผู้ที่พูดคุยกับเขา สัญญากับเขา  และไว้วางใจเขา.
ท่านคอตตอบีย์ ได้กล่าวว่า : ฮะดีษนี้เป็นการเตือนสติมุสลิมไม่ให้มีพฤติกรรมเช่นนั้น  ซึ่งถ้าหากเขามีพฤติกรรมเช่นนั้น ก็จะนำพาเขาไปสู่การเป็นคนกลับกลอกที่แท้จริง.
การเปิดเผยความลับของเจ้าของแผนที่ยีนแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง  จะทำให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงแก่ตัวเขาและลูกหลาน  ความจริงศาสนาห้ามการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น.
ท่านอิบนุอับบาสได้รายงานว่า ท่านศาสน- ทูต (ซ.ล.)  ได้กล่าวว่า :
( لاَضَرَرَ وَلاَ ضِرَارَ )  رواه ابن ماجه
จะไม่มีการกระทำ ที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ตนเองและก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น  ในศาสนาอิสลาม ”  ในฮะดีษนี้มีการปฏิเสธ “ ภัยอันตราย ”  การปฏิเสธในฮะดีษนี้ มีความหมายเป็นการห้าม  หมายความว่า : ไม่อนุมัติแก่ผู้ใด ที่จะก่อให้เกิดภัยอันตรายแก่บุคคลอื่น  ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม  และเมื่อการก่อภัยอันตรายต่อบุคคลอื่น ถือเป็นสิ่งต้องห้ามทางบัญญัติศาสนา  ดังนั้นผู้ที่ก่อภัยอันตรายให้เกิดกับผู้อื่น  ก็เป็นผู้ที่มีความผิด  เขาจำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้ที่ได้รับภัยอันตราย จากการเปิดเผยความลับนี้  เพื่อทดแทนภัยอันตรายที่เขาได้รับ  ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของแผนที่ยีนหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับอันตรายจากการเปิดเผยข้อมูล และรายละเอียด  เพราะหลักศาสนายืนยันว่า : “ ภัยอันตรายจะต้องถูกขจัดออกไป ”   และไม่อาจวาดภาพได้ว่าภัยอันตราย ที่เกิดจากการเปิดเผยข้อมูล ที่อยู่ในแผนที่ยีนได้ถูกขจัดไปแล้ว  ภายหลังจากเกิดขึ้น  ดังนั้นภัยอันตรายจากการดังกล่าว จึงมีสิทธิเรียก ร้องค่าชดเชย  และเมื่อการเปิดเผยข้อมูลของแผนที่ยีน เทียบได้กับการก่ออาชญากรรม (ที่มีบทลงโทษตามความเห็นของผู้มีอำนาจ)  โดยถือว่าละเมิดหน้าที่ที่ต้องปกปิดความ ลับ  ซึ่งผู้มีสิทธิรับรู้ก็คือ  เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามสายอาชีพหรือสายงาน.
ดังนั้นผู้มีอำนาจจึงสามารถสั่งการลงโทษผู้ที่เปิดเผยข้อมูล และกระทำการละเมิดดังกล่าวได้ตามอำนาจหน้าที่  โดยสั่งลงโทษได้ตามที่เห็นเหมาะสมกับความผิด  สภาพของผู้กระทำ  สิ่งแวดล้อมของการทำความผิด และอันตรายที่เกิดจากการเปิดเผยข้อมูล และเรื่องที่เขาทำจนกว่าจะสามารถลงโทษได้จนถึงที่สุด  เพื่อให้ผู้ทำความผิดเข็ดหลาบ  และเป็นการปรามผู้อื่นไม่ให้คิดทำความผิด  และทำให้ความปลอดภัยมั่นคงกลับคืนสู่สังคม   และให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่ผู้เปิดเผยความลับสังกัดอยู่ ได้ดำเนินการตัดสินเจ้าหน้าที่ของตน เช่น สหภาพแพทย์  หรือกระทรวงยุติธรรม  หรือกระทรวงมหาดไทย  เป็นต้น โดยใช้กรอบปฏิบัตินี้ด้วยเช่นกัน  โดยการลงโทษทางวินัย  หรือทางด้านการประกอบอาชีพ เช่นห้ามทำงานเป็นเวลาที่แน่นอน  หรือการเพิกถอนใบอนุญาตทำงาน  หรือห้ามดูความลับของลูกค้าหรือคนป่วย  เป็นต้น.
และจะต้องตัดสินลงโทษ ผู้ที่เข้าไปรับรู้ข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ในแผนที่ยีนตามสายอาชีพหรือหน้าที่ของเขา  แล้วนำข้อมูลและรายละ เอียดไปใช้เป็นปรปักษ์กับเจ้าของแผนที่ยีน  เช่น  นายจ้างเปิดเผยความลับของลูกจ้าง  จนนายจ้างคนใหม่ไล่ออกจากโรงงานหรือบริษัทห้างร้าน  หรือขอลาออก  ด้วยการเปิดเผยข้อมูลแก่หน่วยงานที่คนงานของตนจะไปสมัครเข้าทำงาน  เป็นการทำลายโอกาสการทำงานของเขาเป็นต้น  ซึ่งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทุจริต ที่จะต้องได้รับการลงโทษ  การเปิดเผยข้อมูลนี้ไม่เพียงแต่เป็นภัยอันตรายแก่เจ้าของแผนที่ยีน  ลูกหลานและครอบ ครัวของเขาเท่านั้น  แต่ยังมีอันตรายที่เกิดจากการใช้ข้อมูล และรายละเอียดในแผนที่ยีนเป็นปรปักษ์กับเขาอีกด้วย  ภัยอันตรายเหล่านี้จะทำให้ผู้เสีย หายมีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยได้  นอกเหนือจากการลงโทษตามความเหมาะสมตามความผิด  หรือลงโทษตามวินัย  หรือลงโทษห้ามทำงาน  อันเป็นผลจากการละเมิดต่อหน้าที่การทำงานของตน. 

http://www.islam-online.net/fatwa/arabic


ทัศนะของผู้ทบทวนบทวิจัย
(นายอรุณ บุญชม)

ผู้ทบวนมีทัศนะในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลของแผนที่ยีนมีดังนี้
ไม่อนุญาต ให้ผู้มีหน้าที่ต้องรับรู้แผนที่ยีนนำข้อมูลแผนที่ยีนของบุคคลออกเปิดเผย แก่ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
การนำแผนที่ยีนของบุคคลออกเปิดเผยถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ และเป็นการทุจริต
ผู้ได้รับความเสียหาย จากการเปิดเผยข้อ มูลแผนที่ยีนมีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย และมีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชย.
การเปิดเผยข้อมูลแผนที่ยีนจะกระทำได้ในกรอบที่แคบที่สุด และเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น


You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Popular Posts

featured Slider

Popular Posts

Like us on Facebook

ต่อไปนี้คือแบบฉบับของมวลมนุษยชาติ ที่เรามีความภูมิใจไว้นำเสนอ เพื่อให้เยาชนมุสลิมของเราได้ศึกษาและยึดถือเป็นแบบอย่าง และดำเนินชีวิตในท่ามกลางแสงสว่างจากการชี้นำของพวกเขา

Flickr Images



บทเรียนสั้นๆเหล่านี้กล่าวถึงเรื่อง “อุลูมุ้ลกุรอาน” ที่เราต้องการนำเสนอแก่กุลบุตรกุลธิดาของเรา ก่อนที่พวกเขาจะศึกษาวิชา “ตัฟซีร” เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลที่นักวิชาการทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ได้นำเสนอไว้ เพื่อรับใช้อัลกุรอาน