8-สาเหตุของการประทานอัลกุรอานลงมา
15:41:00
8-สาเหตุของการประทานอัลกุรอานลงมา
1-อัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาให้แก่ท่านนบี
(ซ.ล)เป็นเวลาประมาณยี่สิบสามปี, การประทานอัลกุรอานลงมาเพื่อนำมนุษยชาติออกจากความมืดมนในยุคญาฮิลียะห์
สู่แสงสว่างของศาสนาอิสลาม.
อายะห์อัลกุรอานและซูเราะห์ของอัลกุรอานส่วนใหญ่ถูกประทานลงมาเพื่อชี้นำทางที่ถูกต้องให้มวลมนุษย์และเพื่อความผาสุกของพวกเขาทั้งในยุคปัจจุบันและอนาคต, บางอายะห์ถูกประทานลงมาเพื่ออธิบายสิ่งที่ถูกต้องในเหตุการณ์ต่างๆ
เป็นการเฉพาะที่ได้เกิดขึ้นระหว่างมุสลิมด้วยกัน, หรือระหว่างมุสลิมกับพวกที่ไม่ใช่มุสลิม, หรือถูกประทานมาเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่มีบางคนถามท่านนบี
(ซ.ล) เช่นอายะห์ที่ถูกประทานลงมาภายหลังเหตุการณ์ที่มีผู้กล่าวหาอาอิชะห์
(ร.ด) ว่ามีชู้ (ฮะดีษ
อัลอิฟกิ) ที่พวกตีสองหน้าพยายามโหมกระพือ, หรืออายะห์ต่างๆ ที่มีมาขณะที่
ฮาติบ บิน อะบี บัลตะอะห์
พยายามบอกชาวมักกะห์ว่าท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) ตั้งใจจะเข้าพิชิตนครมักกะห์, หรือที่มีบางคนถามท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) ถึงเวลาที่จะเกิดวันกิยามะห์, อัลกุรอานจึงถูกประทานลงมาว่า :
{ يَسْأَلُكَ
النَّاسُ عَنِ السَّاعَةِ قُلْ إِنَّمَا عِلْمُهَا عِنْدَ اللهِ وَمَا يُدْرِيْكَ لَعَلَّ السَّاعَةَ تَكُوْنُ
قَرِيْبًا }
“ จะมีผู้คนมาถามเจ้า โอ้มุฮำหมัด
ถึงวันกิยามะห์
เจ้าจงตอบเถิดว่าแท้จริงความรู้เรื่องวันกิยามะห์นั้นอยู่ที่อัลเลาะห์เท่านั้น
และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้ วันกิยามะห์อาจอยู่ใกล้ๆนี้เอง “ (อัลอะห์ซาบ : 63)
2-มีนักวิชาการที่เรียบเรียงเรื่องสาเหตุของการประทานอัลกุรอานลงมา
(อัซบาบุ้ลนุซูล) หลายท่านเช่น:
- อะลี บิน อัลมะดีนีย์
เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 224,
- อะบุ้ลฮะซัน อะลี บิน
อะห์หมัด อัลวาฮิดีย์ เสียชีวิตปี ฮ.ศ.
427 เขาได้เรียบเรียงหนังสือชื่อ (อัซบาบุ้ลนุซูล),
- ชัยคุ้ลอิสลาม อัลฮาสฟิซ
อิบนุฮะญัร อัลอัสกอลานีย์ เสียชีวิตปี ฮ.ศ.
852 และยังเป็นเจ้าของหนังสือ
(ฟัตฮุ้ลบารีย์) อีกด้วย.
- อิหม่ามญะลาลุดดีน
อับดุรเราะห์มาน อัซซุยูตีย์ เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 911, ท่านผู้นี้ได้เรียบเรียงหนังสือเล่มหนึ่งในเรื่องนี้ชื่อ
(ลุบาบุ้ล นุกูล ฟี อัซบาบิ้ล นุซูล) หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นหนังสือที่แพร่หลายที่สุดที่ถูกเรียบเรียงขึ้นมาในวิชาการแขนงนี้, และได้ตีพิมพ์หลายครั้งแล้ว.
3- วิธีการที่จะเรียนรู้การประทานอายะห์หรือหลายอายะห์นั้น
ไม่มีทางอื่นเลยนอกจาก ด้วยวิธีการถ่ายทอดมาจากซอฮาบะห์
ซึ่งพวกเขาอยู่ร่วมสมัยกับท่านนบี (ซ.ล), พวกเขาได้รับรู้สภาพและสิ่งแวดล้อมต่างๆ
ที่เกิดขึ้นขณะที่อายะห์ต่างๆ ถูกประทานลงมา และได้ยินมาจากท่านนบี (ซ.ล) ในสิ่งที่ผู้อื่นไม่ได้ยิน, จึงกล่าวได้ว่าวิชาการแขนงนี้ต้องได้มาจากพวกเขาเพียงพวกเดียวเท่านั้น.
พวกซอฮาบะห์ได้บอกให้พวกเราทราบว่าอายะห์ต่างๆ
ที่มีมาในตอนต้นซูเราะห์ “อัลมุญาดะละห์” นั้นถูกประทานลงมาในเรื่องของนางเคาละห์
บินติ ซะอ์ละบะห์
ขณะที่สามีของนางได้กล่าวแก่นางว่า : “เธอเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับฉัน
เหมือนกับเป็นหลังของมารดาฉัน “ (ในวิชาฟิกฮ์ เรียกคำพูดนี้ว่า
ซิฮาร ซึ่งชาวอาหรับถือว่าเป็นคำหย่าชนิดหนึ่ง และมีข้อกำหนดเป็นการเฉพาะ) นางจึงไปร้องเรียนกับท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับสามีของนาง อัลกุรอานจึงได้ลงมาว่า :
{ قَدْ
سَمِعَ اللهُ قَوْلَ الَّتِيْ تُجَادِلُكَ فِيْ زَوْجِهَا وَتَشْتَكِيْ إِلَى
اللهِ وَاللهُ يَسْمَعُ تَحَاوُرَكُمَا إِنَّ اللهَ سَمِيْعٌ بَصِيْرٌ }
“ แท้จริงอัลเลาะห์ได้ยินคำพูดของสตรีที่กำลังโต้เถียงกับเจ้าในเรื่องสามีของนาง
และนางได้ร้องเรียนต่ออัลเลาะห์ และอัลเลาะห์ได้ยินการโต้ตอบของเจ้าทั้งสอง แท้จริงอัลเลาะห์เป็นผู้ทรงได้ยินยิ่ง
ทรงเห็นยิ่ง “ ( อัลมุญาดะละห์ : 1)
พวกเขาบอกพวกเราว่าซอฮาบะห์บางท่านที่เข้ารับอิสลาม
เกิดความรู้สึกลำบากใจที่ดื่มสุราจึงไปเรียนถามท่านนบี(ซ.ล) ถึงข้อกำหนดของการดื่มสุรา, ท่านได้กล่าวว่า : “ ข้าแด่
อัลเลาะห์ได้โปรดอธิบายให้พวกเราได้ทราบเรื่องสุราอย่างชัดเจนและเพียงพอด้วยเถิด “ คำดำรัสของอัลเลาะห์ ตาอาลา
จึงได้ลงมาว่า :
{ {
يَسْئَلُوْنَكَ عَنِ الْخَمْرِ وَالْمَيْسِرِ قُلْ فِيْهِمَا إِثْمٌ كَبِيْرٌ
وَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ وَإِثْمُهُمَا أَكْبَرُ مِنْ نَفْعِهِمَا وَيَسْئَلُوْنَكَ
مَاذَا يُنْفَقُوْنَ قُلِ الْعَفْوَ ..}
“ พวกเขาจะถามท่านเกี่ยวกับสุราและการพนัน เจ้าจงตอบเถิดว่าในทั้งสองนั้นมีโทษมากมาย
และมีประโยชน์แก่มนุษย์บ้าง, แต่โทษของมันทั้งสองมีมากกว่าประโยชน์, และพวกเขาจะถามเจ้าว่าพวกเขาจะบริจาคสิ่งใด เจ้าจงตอบว่าสิ่งที่เหลือจากการใช้จ่าย “ (อัลบะกอเราะห์ : 219)
หลังจากนั้นอายะอื่นๆ
ก็ได้ลงมาห้ามดื่มสุราโดยเด็ดขาดไปจนถึงวันกิยามะห์
4-การเรียนรู้สาเหตุการประทานลงมาของอายะห์หนึ่งหรือหลายอายะห์มีประโยชน์มากมาย
ที่สำคัญคือ :
(ก) ช่วยให้เข้าใจการประทานอายะห์หนึ่งหรือหลายอายะห์
ได้อย่างถูกต้อง เพราะมุสลิมเมื่อรู้สาเหตุการประทานอายะห์หนึ่ง หรือหลายอายะห์
เขาย่อมรู้ความหมายของอายะห์นั้นๆ อย่างถ่องแท้
โดยปราศจากความสงสัยและเคลือบคลุมใดๆ
ด้วยเหตุนี้ท่านอิหม่าม
อัลวาฮิดีย์ รอฮิมะฮุลลอฮ์ จึงกล่าวว่า :
“ จะไม่สามารถรู้คำอธิบายความหมายของอายะห์ได้
โดยไม่อาศัยประวัติของอายะห์นั้น และโดยไม่อาศัยคำบรรยายถึงการประทานอายะห์นั้นลงมา
“
ท่านอิหม่าม
อิบนุ ดะกีกิ้ลอีด รอฮิมะฮุลลอฮ์ กล่าวว่า :
“ การอธิบายสาเหตุการประทานอัลกุรอาน
เป็นแนวทางที่เข้มแข็งในการเข้าใจความหมายของอัลกุรอาน “
ท่านอิหม่าม
อิบนุ ตัยมียะห์ รอฮิมะฮุลลอฮ์ กล่าวว่า :
“ การเรียนรู้สาเหตุการประทานอายะห์
จะช่วยให้เข้าใจอายะห์นั้น
เพราะการรู้เหตุ จะทำให้รู้ผล “
ตัวอย่างในเรื่องนี้
: อุรวะห์ บุตร อัซซุบัยร์ เข้าใจว่าการเดินสะแอ
ระหว่างภูเขาซอฟากับมัรวะห์ นั้นไม่มีบาปใดๆ เหนือผู้ที่ไม่ได้กระทำมัน
เพราะอัลเลาะห์ ตาอาลาตรัสว่า :
{ إِنَّ
الصَّفَا وَالْمَرْوَةَ مِنْ شَعَائِرِ اللهِ فَمَنْ حَجَّ الْبِيْتَ أَوِ
اعْتَمَرَ فَلاَ جُنَاحَ عَلَيْهِ أَنْ يَطَّوَّفَ بِهِمَا وَمَنْ تَطَوَّعَ
خَيْرًا فَإِنَّ اللهَ شَاكِرٌ عَلِيْمٌ }
“ แท้จริงซอฟาและมัรวะห์เป็นสัญลักษณ์ของอัลเลาะห์
ดังนั้นผู้ใดทำพิธีฮัจญ์ที่บัยตุ้ลเลาะห์ หรือทำอุมเราะห์ จะไม่มีบาปใดๆเหนือเขา
ที่จะเดินไปมาระหว่างทั้งสองนั้น “ (อัลบะกอเราะห์ : 158)
พระนางอาอิชะห์
(ร.ด) ได้บอกให้อุรวะห์
เข้าใจว่าอายะห์นั้นประทานลงมาในเรื่องของชาวอันซอร, ซึ่งก่อนที่ชาวอันซอรจะเข้ารับอิสลามนั้น
พวกเขาจะลูบที่รูปเจว็ดสองรูป
ที่รูปหนึ่งตั้งอยู่ที่ซอฟา และอีกรูปหนึ่งตั้งอยู่ที่มะรวะห์
เมื่อพวกเขาเข้ารับ อิสลาม
ก็เกิดความรังเกียจที่จะเดินสะแอระหว่างซอฟากับมัรวะห์ เพราะมันจะทำให้พวกเขาหวนคิดถึงสิ่งที่พวกเขาได้เคยกระทำมามาก่อนในยุคญาฮิลียะห์
ที่ได้เคยลูบรูปเจว็ดทั้งสองรูปที่เคยตั้งอยู่ในสถานที่ทั้งสองแห่งนี้, อัลเลาะห์
ตาอาลาจึงได้ประทานอายะห์นี้ลงมาเพื่อยกความอึดอัดใจที่พวกเขามีอยู่ออกไปจากพวกเขา, คล้ายกับพระองค์กล่าวแก่พวกเขาว่า : พวกท่านจงปฏิบัติสัญลักณ์การเดินสะแอระหว่างซอฟากับมัรวะห์เถิด
เพราะมันเป็นซูนนะห์, และอิสลามได้ตัดขาดกิจกรรมต่างๆ
ที่เคยมีอยู่ก่อนอิสลามในยุคญาฮิลียะห์ ดังพระองค์ได้ตรัสว่า :
{ قُلْ
لِلَّذِيْنَ كَفَرُوْا إِنْ يَنْتَهُوْا يُغْفَرْ لَهُمْ مَا قَدْ سَلَفَ وَإِنْ
يَعُوْدُوْا فَقَدْ مَضَتْ سُنَّتُ اْلأَوَّلِيْنَ }
“ เจ้าจงกล่าวแก่พวกผู้ไร้ศรัทธาเถิดว่า
ถ้าหากพวกเขายอมยุติพฤติกรรมต่างๆที่ไร้ศรัทธา
พวกเขาจะได้รับการอภัยบาปต่างๆที่ผ่านพ้นไปแล้ว “ (อัลอันฟาล : 38)
หลังจากนั้นพระนางอาอิชะห์
ได้บอกเขาอีกว่า แท้จริงท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) ได้เดินสะแอระหว่างซอฟากับมัรวะห์
และได้ใช้ซอฮาบะห์ และบริวารให้ปฏิบัติ
ดังนั้นเขาจะต้องเจริญรอยตามท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) และเหล่าซอฮาบะห์ของท่าน, และแล้วอุรวะห์ก็ได้ยอมกลับมายึดถือตามคำของพระนางอาอิชะห์ (ร.ด).
(ข) ประโยชน์ของการรู้จักสาเหตุของการประทานอายะห์
หรือหลายอายะห์อีกเช่นกันคือการรู้จักวิทยปัญญา (ฮิกมะห์)ของอัลเลาะห์ ตาอาลา
อย่างเจาะจงในสิ่งที่อัลเลาะห์ได้บัญญัติข้อกำหนดต่างๆ โดยผ่านทางอัลกุรอาน, ในการรู้จักนี้เป็นประโยชน์แก่มวลมุสลิม, เพื่อเพิ่มพูนศรัทธาที่มีอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้น, และเพื่อการยืนหยัดอย่างแน่นเหนียวของมวลมุสลิม, และเป็นประโยชน์แก่คนต่างศาสนาที่อาจนำพวกเขาสู่การชี้นำยังแนวทางที่ถูกต้อง, และสู่ความเข้าใจและรู้จักสิ่งที่บทบัญญัติอิสลามครอบคลุมอยู่อันได้แก่ความยุติธรรม
การทำให้สัจธรรมเป็นจริง และทำลายล้างสิ่งโป้ปดมดเท็จ. ยกตัวอย่างเช่น
ขณะที่คนต่างศาสนารู้ว่าอัลกุรอานใช้พวกเราให้ดำรงความยุติธรรมทั้งกับศัตรู
กับมิตร กับคนรวย กับคนจน กับญาติใกล้ชิด กับญาติห่างๆ, เขาจะสามารถตัดสินได้ถ้าหากเขามีความยุติธรรมว่าบทบัญญัตินี้ต้องมาจากอัลเลาะห์
ตาอาลา และศาสนทูต (ซ.ล) มีสัจจะในการเผยแพร่สิ่งที่มาจากองค์อภิบาลของเขา, และจงรับฟังคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า :
{
يَاأَيُّهَا الَّذِيْنَ آمَنُوْا كُوْنُوْا قَوَّامِيْنَ ِللهِ شُهَدَاءَ
بِالْقِسْطِ وَلاَ يَجْرِمَنَّكُمْ شَنَئَانُ قَوْمٍ عَلَى أَلاَّ تَعْدِلُوْا
اعْدِلَوْا هُوَ أَقْرَبُ لِلتَّقْوَى وَاتَّقُوا اللهَ إِنَّ اللهَ خَبِيْرٌ بِمَا
تَعْمَلُوْنَ }
“ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
จงเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีเพื่ออัลเลาะห์
เป็นพยานด้วยความเที่ยงธรรม
และจงอย่าให้การเกลียดชังพวกหนึ่งพวกใดทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม จงยุติธรรมเถิดมันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า และพึงยำเกรงอัลเลาะห์เถิด แท้จริงอัลเลาะห์เป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
“
(อัลมาอิดะห์ : 8)
0 ความคิดเห็น