4 - ประเด็นการปรับปรุงพันธุ์มนุษย์ – การเลือก
01:39:00
(gender, disease, intelligent, etc)
สรุปประเด็นจากเอกสารทางวิชาการ
ที่สืบค้นได้ดังนี้
การเลือกเพศของทารก
-
การกำหนดเพศของทารก ไม่ขัดกับหลักศรัทธาที่บริสุทธิ์ของมุสลิม
- การกำหนดเพศทารก
ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงการสร้างของอัลเลาะห์ตาอาลา แต่อย่างใด
เพราะอัลเลาะห์เป็นผู้สร้างเชื้อสเปิร์ม
และไข่ มนุษย์เป็นแต่เพียงนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาผสมกัน
-
การกำหนดเพศทารก ถ้าหากมีการนำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง
จะนำไปสู่ความเสีย
หายที่มนุษย์อาจก่อขึ้นจากความไร้ระบบและทำให้เกิดเสียสมดุลระหว่างเพศชายกับเพศหญิง ส่วนกรณีที่นำไปปฏิบัติเฉพาะรายและก่อนการตั้งครรภ์ก็ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด.
เอกสารที่ใช้สืบค้นในประเด็นนี้คือ
เอกสารหมายเลข 1
หัวข้อฟัตวา : การกำหนดเพศของทารก
วันที่ฟัตวา: 17
มิถุนายน 2003
วันที่ตอบ: 17
มิถุนายน 2003
เรื่องประเด็นทางการแพทย์
คำถาม :
ศาสนาจะยินยอมให้มุสลิมไปหาแพทย์เพื่อดำเนินการบางอย่าง
และตรวจร่างกาย เพื่อให้ได้บุตรเป็นเพศชาย
? และเรื่องนี้ซึ่งเรียกว่า
“การกำหนดเพศทารก”
จะขัดกับหลักศรัทธาของมุสลิมหรือไม่ ? จะขัดแย้งกับคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า
{ وَيَعْلَمُ مَا فِي اْلأَرْحَامِ } لقمان 34
“ พระองค์ทรงทราบสิ่งที่อยู่ในมดลูก ” (ลุกมาน
34) และการกระ
ทำนี้จะถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงการสร้างของอัลเลาะห์หรือไม่ ? ขอ
อัลเลาะห์ทรงตอบแทนความดีแก่พวกท่าน.
ชื่อผู้ตอบ : อาจารย์
ดร. อุญัยล์ อันนะชะมีย์
คำตอบ : ในนามของอัลเลาะห์ผู้ทรงเมตตายิ่งผู้ทรงกรุณายิ่ง
การกำหนดเพศของทารก
ไม่ขัดกับหลักศรัทธาที่บริสุทธิ์ของมุสลิม
เพราะมุสลิมศรัทธาว่า สิ่งใด ๆ
ในจักรวาลจะเกิดขึ้นไม่ได้นอกจากเกิดขึ้นตามพระประสงค์ของอัลเลาะห์ตาอาลา การค้น พบทางด้านวิทยาการสมัยใหม่ จะทำให้ความต้อง
การบางอย่างของมนุษย์เป็นความจริง
แต่จำเป็น ต้องปฏิบัติตามกรอบของศาสนาในเรื่องนี้.
อาจารย์ ดร.
อุญัยล์ อันนะชะมีย์ อาจารย์นิติศาสตร์อิสลาม ที่มหาวิทยาลัยคูเวต กล่าวว่า :
คำถามนี้ผู้ที่จะตอบแทนเขาคือ ที่ประชุมเรื่อง “การให้กำเนิดทารกในทัศนะของอิสลาม” ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศคูเวต วันที่
11
ชะอ์บาน ฮ.ศ. 1403
ตรงกับวันที่ 24 พฤษภาคม
ค.ศ. 1983 โดยเราจะเริ่มอธิบายทางด้านวิชาการ เพื่อให้สามารถจินตนาการถึงเรื่องนี้ได้
หลังจากนั้นก็จะนำเอาข้อกำหนดของศาสนาเข้ามาตัดสิน.
มีการดำเนินการทางวิชาการ ที่เป็นผล
สำเร็จแล้วสองชิ้นในเรื่องนี้ :
หนึ่ง :
สามารถรู้เพศของทารกว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิงได้ด้วยวิธีการตรวจน้ำคร่ำ คือ สารเหลวที่อยู่รอบ ๆ มดลูก ในสารเหลวจะมีเซลล์บางอย่างของทารก
ที่หลุดจากผิวกายของทารก
เราจะตรวจเซลล์ดังกล่าวนี้และทำให้ทราบเพศของทารกได้.
สอง :
มีการค้นพบความแตกต่างระหว่างสเปิร์มที่จะเป็นเพศชาย
และสเปิร์มที่จะเป็นเพศหญิง เช่น ความรวดเร็ว
ความสามารถที่จะเป็นผ่านน้ำเมือกเหนียวที่อยู่ที่คอมดลูก เป็นต้น.
การค้นพบดังกล่าวนี้เป็นการค้นพบในสัตว์และนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์
ทั้งนี้ด้วยการจัดเตรียมเชื้อสเปิร์มปริมาณมาก
ที่เก็บมาจากสัตว์เพศผู้จำนวนมาก
แล้วแยกออกเป็นสองส่วน
ส่วนที่หนึ่งเป็นสเปิร์ม ที่มีความเป็นไปได้มาก ว่าจะเป็นเพศเมีย และอีกส่วนหนึ่งมีความเป็นไปได้มาก
ว่าจะเป็นเพศผู้
แล้วใช้ส่วนหนึ่งจากสองส่วนไปผสมเทียมกับสัตว์เพศเมีย แนวโน้มจากสัดส่วนตามธรรมชาติ คือ
ประมาณ 50% ของแต่ละเพศจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ของเพศที่ต้องการ
สำหรับแนวทางด้านนิติศาสตร์นั้น
เรื่องนี้จะไม่เข้าอยู่ในเรื่องหลักศรัทธาแต่อย่างใด แต่เราจำเป็นต้องศรัทธาว่า
ทุกสิ่งที่มนุษย์ก้าวไปถึงนั้นเป็นไปตามเจตนาของอัลเลาะห์ และความประสงค์ของพระองค์ ถ้าหากเราสมมติขึ้นมาว่ามีแพทย์คนหนึ่ง หรือคณะแพทย์ที่ไม่ใช่มุสลิม เขามีความสามารถเข้าไป
ถึงเรื่องกำหนดเพศของทารกได้
จะหมายความว่าเจตนาของพวกเขาและความ รู้ของพวกเขาชนะเจตนา
และความรู้ของอัลเลาะห์ ตาอาลาอย่างนั้นหรือ ?
ไม่สมควรจะมีมุสลิมคนใดมีความเชื่อเช่นนั้น ถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นคนนอกศาสนา “ ขออัลเลาะห์ทรงป้องกันด้วยเถิด ” เพราะเจตนาของอัลเลาะห์
ย่อมเป็นฝ่ายชนะอย่างไม่มีข้อสงสัย
ผลลัพธ์ขั้นสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นก็เป็นไปตามเจตนาและความรู้ของพระองค์ อัลเลาะห์ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร
คือผู้ที่ให้เรามีความสามารถทำเช่นนั้นได้
ดังนั้นประเด็นนี้จึงไม่ใช่ประเด็นทางหลักศรัทธาอย่างแน่นอน แต่เป็นประเด็นว่าจะอนุมัติให้พวกเราทำ
หรือเป็นสิ่งต้องห้าม ? อีกด้านหนึ่งความเป็นจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงการสร้าง
ของอัลเลาะห์ตาอาลา
เชื้อสเปิร์มก็คือเชื้อสเปิร์ม ไข่ก็คือไข่ มนุษย์เพียงแต่เข้าไปยุ่ง
กับการผสมเชื้อสเปิร์มกับไข่เท่านั้น
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการสร้างของอัลเลาะห์แต่อย่างใด
พระองค์ยังคงเป็นผู้สร้างและควบคุมกิจการงาน เชื้อสเปิร์มอัลเลาะห์ก็สร้าง ไข่อัลเลาะห์ก็สร้าง เรื่องนี้อยู่ในเรื่องของข้อ กำหนดต่าง ๆ .
การกำหนดเพศ
เมื่อปราศจากเป้าหมายที่เสียหายหรือชั่วร้าย มันก็จะเป็นเรื่องของการกระ
ทำสิ่งที่เป็นต้นเหตุ
และเป็นเรื่องการบำบัด รักษาที่เกิดขึ้นก่อนการตั้งครรภ์เช่น การกำหนด
เวลาการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา
การรับยาที่แน่นอน
และความจริงอิสลามก็ได้อนุญาตการหลั่งภายนอก
ซึ่งก็ถือว่าเป็นการกำหนดเองด้วยอย่างหนึ่ง
และอีกแง่หนึ่งอิสลามอนุญาตให้ มุสลิมวิงวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า
ให้ประทานบุตรแก่เขาเป็นเพศชายหรือเพศหญิง
ศาสดาของอัลเลาะห์ซาการียา ได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าขอให้ได้บุตรชาย โดยเขากล่าวว่า
{ فَهَبْ لِيْ مِنْ لَدُنْكَ وَلِيًّا يَرِثُنِيْ }
مريم 5
“ ได้โปรดให้ฉันได้รับจากท่านเป็นบุตรชายที่จะรับมรดกจากฉัน
” (มัรยัม 5) ดังนั้น
จึงไม่มีข้อห้ามที่จะมีความปรารถนาและวิงวอนเช่นนั้น และเป็นบัญญัติที่ชัดเจนแล้วว่า
สิ่งใดที่ห้ามกระทำก็จะห้ามวิงวอนขอ
และเงื่อนไขของการวิงวอนมีว่าจะต้องไม่วิงวอนขอสิ่งต้องห้าม และอีกด้านก็คือเป็นที่แน่นอนว่า
การกำหนดเองนั้นไม่ขัดกับเจตนาของอัลเลาะห์ เพราะสิ่งที่อัลเลาะห์เจตนานั้น
มนุษย์จะไม่สามารถรู้ได้นอกจากมันได้เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น
และเจตนาของอัลเลาะห์จะบรรลุตามที่พระองค์ประสงค์ ไม่มีผู้ใดขัดขวางกิจการของพระองค์ได้ และนี่คือเจตนารมณ์ของหลักศรัทธาที่ถูกต้อง
ในประเด็นเรื่องกำหนดสภาวการณ์ของอัลเลาะห์
ความรู้ในสิ่งที่ถูกกำหนดเป็นความรู้ล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดขึ้น
เป็นสิ่งที่อัลเลาะห์เท่านั้นทรงรู้
สิ่งที่อัลเลาะห์กำหนดไว้จะไม่แตกต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้น และความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้นก็คือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
โดยไม่มีผู้ใดทราบ
กฎทางพันธุกรรมก็คือระบบและสาเหตุ ต่าง ๆ
ที่อัลเลาะห์สร้างไว้ในจักรวาลและยกมันขึ้นเมื่อใดที่พระองค์ทรงเจตนาให้เป็นไปตามนั้น.
บางคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าการกำหนดเพศทารกเองนั้น
ขัดกับคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า
{ يَهَبُ لِمَنْ يَشَاءُ إِنَاثًا وَيَهَبُ لِمَنْ يَشَاءُ
الذُّكُوْرَ أَوْ يُزَوِّجُهُمْ ذُكْرَانًا وَإِنَاثًا وَيَجْعَلُ مَنْ يَشَاءُ عَقِيْمًا إِنَّهُ
عَلِيْمٌ قَدِيْرٌ } الشورى 49
“ พระองค์จะประทานบุตรให้แก่ผู้ที่พระ
องค์ประสงค์เป็นเพศหญิง
และจะประทานบุตรให้แก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์ เป็นเพศชาย หรือจะประทานเป็นคู่ให้แก่พวกเขา
ทั้งเพศชายและเพศหญิง
และจะดลบันดาลผู้ที่พระองค์ประสงค์ให้เป็นหมัน (อัชชูรอ : 49) และสอดคล้องกับการอธิบาย
ที่กล่าวมาแล้วว่ามุสลิมมีศรัทธาว่า
เจตนาและความประสงค์ของ อัลเลาะห์เท่านั้นที่จะบรรลุผล ไม่ได้ขัดแย้งกับอายะห์อัล -กุรอานแต่อย่างใด
ดังนั้นศาสนาจึงอนุญาตให้ผู้หญิงหรือผู้ชายไปหาแพทย์ เพื่อรักษาอาการเป็นหมัน เพื่อเป็นการสร้างเหตุของการมีบุตร
อีกด้านหนึ่ง การกระทำดังกล่าวที่กระทำเป็นรายบุคคลนั้น ไม่มีปัญหาอะไร เช่นเดียวกับการหลั่งภายนอก
หรือการวางแผนครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่อนุญาตกระทำได้ ในกรณีที่เป็นราย บุคคล แต่จะไม่ยินยอมให้นำมาใช้ทั่วไปโดยออก
เป็นกฎหมาย ในการประชุมเรื่อง “ การให้กำเนิดในกรอบของศาสนาอิสลาม ” ได้มีการประกาศปฏิญญา ถึงเรื่องการกำหนดเพศทารกไว้ดังนี้ :
สำหรับ ทฤษฎีทางศาสนาเห็นว่า ไม่อนุญาตกำหนดเพศทารก ถ้าหากเป็นการกระทำกันทั่วไป (ในระดับประชาชาติ) ส่วนการกระทำเป็นรายบุคคลนั้น
ความพยายามที่จะทำให้ทารกเป็นเพศชายหรือเพศหญิง โดยใช้วิธีทางการแพทย์ที่สามารถทำได้ ไม่มีข้อห้ามตามบัญญัติศาสนา สำหรับนักนิติศาสตร์บางท่าน
ที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้มีความเห็นว่าไม่อนุญาตให้กระทำ เพราะกลัวว่าจะเกิดการเหลื่อมล้ำ
ระหว่างเพศหนึ่งอีกเพศหนึ่งอย่างมากมาย
สำหรับเราเห็นว่าการกำหนดและเลือกเพศทารกในตัวมันเอง
เป็นเรื่องของการแพทย์ที่ไม่มีข้อห้ามนอกจากมัน จะนำไปสู่สิ่งที่ศาสนาห้าม เพราะในขณะนั้นมันจะกลายเป็นสื่อ และแนวทางสู่สิ่งต้องห้าม ซึ่งมันจะทำให้เกิดข้อ
กำหนดเกิดขึ้นว่าเป็นสิ่งต้องห้าม
การกำหนดเพศทารกถ้าหากมีการนำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง
ก็จะนำไปสู่ความเสียหายที่มนุษย์อาจก่อขึ้นมาจากความไร้ระบบ
และทำให้เกิดเสียสมดุลระหว่างเพศชายกับเพศหญิง
ส่วนกรณีที่นำไปปฏิบัติเฉพาะรายและก่อนการตั้งครรภ์ก็ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด…อัลเลาะห์ทรงรอบรู้
สำหรับคำถามที่ว่า
ถ้าหากมีการขัดแย้งกันระหว่างวิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบัน กับเพศของทารก
ชายหรือหญิง กับคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า “ และพระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่ในมดลูก ”
(ลุกมาน 34) ก็สามารถที่จะตอบได้ว่า ไม่มีอะไรขัดกันเลย
ระหว่างวิทยาการทางการแพทย์ในเรื่องเพศทารกกับความรู้ของอัลเลาะห์ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร และที่เหมือนกับอายะห์นี้ก็คือ คำดำรัสของพระองค์ที่ว่า
{ اَللهُ يَعْلَمُ مَا تَحْمِلُ كُلُّ أُنْثَى وَمَا تَغِيْضُ
اْلأَرْحَامُ وَمَا تَزْدَادُ وَكُلُّ شَيْءٍ عِنْدَهُ بِمِقْدَارٍ عَالِمُ الْغَيْبِ وَالشَّهَادَةِ الْكَبِيْرُ
الْمُتَعَالِ } الرعد 8-9
“ อัลเลาะห์ทรงรู้สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนตั้งครรภ์ และที่บรรดามดลูกคลอดก่อนกำหนด
และที่เกินกำหนด และทุกๆ สิ่ง ณ
พระองค์นั้นถูกกำหนดไว้แล้ว (8)
พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เร้นลับ และเปิดเผยพระองค์ทรงยิ่งใหญ่และทรงสูงส่งยิ่ง
” (อัรเราะอ์ดุ 8-9)
ความรู้ของอัลเลาะห์ตาอาลา
มิได้ถูกจำกัดอยู่แต่เพียงภายในมดลูกว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิงเท่านั้น แต่ความรู้ของพระองค์ครอบคลุมทุกสิ่ง
ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ในมดลูก
พระองค์ทรงทราบว่าทารกผู้นี้จะมีชีวิตอยู่หรือจะต้องตาย ? จะเป็นคนดีหรือเป็นคนเลว…เป็นต้น
ส่วนความรู้ของมนุษย์จำกัดอยู่แต่เพียงรู้ว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิงเท่านั้น และความรู้นั้นก็เป็นไปตามเจตนา
และประสงค์ของอัลเลาะห์ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร
พระองค์เป็นผู้มอบความสามารถให้แก่มนุษย์ ในการก้าวเข้าไปเรียนรู้สิ่งดังกล่าว
{ وَمَا تَشَاءُوْنَ
إِلاَّ أَنْ يَشَاءَ اللهُ إِنَّ اللهَ كَانَ عَلِيْمًا حَكِيْمًا } الانسان
30
“ พวกเจ้าจะประสงค์สิ่งใดไม่ได้นอกจากที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น
” (อัลอินซาน : 30)
http://www.illam-online.net/fatwa/arabic/
ทัศนะของผู้ทบทวนบทวิจัย
(นายอรุณ บุญชม)
ทัศนะของผู้ทบทวนบทวิจัย
ในการเลือกเพศของทารก
การกำหนดเพศของทารก ไม่ขัดกับหลักศรัทธาที่บริสุทธิ์ของมุสลิม
การกำหนดเพศทารก
ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลง การสร้างของอัลเลาะห์ตาอาลาแต่อย่างใด
เพราะอัลเลาะห์เป็นผู้สร้างเชื้อสเปิร์ม
และไข่
มนุษย์เป็นแต่เพียงนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาผสมกัน
การกำหนดเพศทารกถ้าหากมีการนำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง
จะนำไปสู่ความเสียหายที่มนุษย์อาจก่อขึ้นจากความไร้ระบบ
และทำให้เกิดเสียสมดุลระหว่างเพศชายกับเพศหญิง
ส่วนกรณีที่นำไปปฏิบัติเฉพาะราย
และก่อนการตั้งครรภ์ก็ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด.
0 ความคิดเห็น