(3) ฟิกฮฺในยุคตาบิอีน

03:47:00

(3) ฟิกฮฺในยุคตาบิอีน

ตาบิอีน คือ ผู้ที่มีโอกาสได้พานพบและศึกษาความรู้จากบรรดาเศาะหาบะฮฺ  ซึ่งยุคตาบิอีนนั้นถือเป็นยุคที่ประเสริฐรองลงมาจากยุคท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และยุคเศาะหาบะฮฺ โดยในยุคนี้ยังคงมีเศาะหาบะฮฺหลงเหลืออยู่บ้างแต่ไม่มาก กล่าวคือในยุคเศาะหาบะฮฺนั้นจะมีแต่เศาะหาบะฮฺเสียเป็นส่วนใหญ่ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของฟิกฮฺและการวินิจฉัยประเด็นศาสนา จากกลุ่มตาบิอีนก็เพียงส่วนน้อยที่จะมีชื่อเสียงเทียบเคียงเศาะหาบะฮฺ แต่ในยุคตาบิอีนนั้น ชื่อเสียงและความโดดเด่นจะเป็นของตาบิอีนเสียส่วนใหญ่ ทั้งนี้ เพราะเศาะหาบะฮฺส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะรุ่นอาวุโส) ได้เสียชีวิตลงหมดแล้ว

อาจกล่าวได้ว่ายุคตาบิอีนนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่การสละตำแหน่งของท่านหะซัน บิน อะลี บิน อบี ฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา และให้ท่านมุอาวิยะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ขึ้นเป็นผู้นำแทนในปี ฮ..41 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของราชวงศ์บนีอุมัยฺยะฮฺ และสิ้นสุดลงพร้อมๆกับการล่มสลายของบนีอุมัยฺยะฮฺในต้นศตวรรษที่ 2 แห่งฮิจญฺเราะฮฺศักราช หรือก่อนหน้านั้นเล็กน้อย

ตาบิอีนศึกษาฟิกฮฺจากเศาะหาบะฮฺได้อย่างไร?

โลกอิสลามในยุคนั้นยังคงเป็นปึกแผ่น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และยังไม่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดเหมือนทุกวันนี้ ทำให้การเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างรัฐหรือเมืองต่างๆกระทำได้ง่าย และไม่มีอุปสรรคใดๆ ผู้แสวงหาความรู้ในยุคนี้จึงเดินทางไปพบบรรดาเศาะหาบะฮฺเพื่อศึกษาหาความรู้ ยกตัวอย่างเช่น ท่านหะซัน อัลบัศรียฺ ปราชญ์ระดับแนวหน้าของตาบิอีน ว่ากันว่าท่านได้มีโอกาสพบกับเศาะหาบะฮฺร่วม 500 ท่านเลยทีเดียว

เป็น ที่ทราบกันดีว่าในสมัยของท่านอุษมาน บิน อัฟฟาน นั้นท่านอนุญาตให้เศาะหาบะฮฺแยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานยังเมืองต่างๆได้ ซึ่งเศาะหาบะฮฺแต่ละท่านก็ทำการเผยแพร่ความรู้ ณ เมืองที่ท่านพำนักอยู่ เช่น ท่านอะลี หรือ ท่านอิบนฺ มัสอูดอาศัยอยู่เมืองกูฟะฮฺ (ในอิรัก) ท่านอุมัรฺ ท่านอิบนฺ อุมัรฺ และท่านซัยดฺ บิน ษาบิต อาศัยอยู่มะดีนะฮฺ ท่านอบูมูซา อัลอัชอะรียฺ อยู่บัศเราะฮฺ (ในอิรัก) ท่านมุอาวิยะฮฺ กับท่านมุอาซ บิน ญะบัล อยู่ชาม (แถบซีเรียในปัจจุบันท่านอิบนฺ อับบาส อยู่มักกะฮฺ ส่วนท่านอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ บิน อาศ นั้นพำนักอาศัยที่อิยิปต์ เป็นต้น ด้วยการแยกย้ายกันของบรรดาเศาะหาบะฮฺเช่นนี้ ทำให้วิชาความรู้ได้แผ่ขยายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

พัฒนาการของฟิกฮฺในยุคนี้

สรุปพัฒนาการ หรือทิศทางการเปลี่ยนแปลงทางฟิกฮฺในยุคนี้ได้พอสังเขปดังนี้

(1) - การขยายขอบเขตของฟิกฮฺ และความขัดแย้งทางทัศนะ ซึ่งมีสาเหตุมาจาก

1 - การแยกย้ายกระจัดกระจายของอุลามาอ์เศาะหาบะฮฺ และตาบิอีน เพื่อเผยแพร่วิชาความรู้ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละท่านนั้นไม่ได้มีความเท่าเทียมกันในเรื่องของความรู้ ความเข้าใจ และการท่องจำอัลกุรอาน และหะดีษ อันมีผลให้เกิดทัศนะที่แตกต่างกันไป

2 – การอิจญฺติฮาดหมู่ที่อาศัยการปรึกษาหารือ เพื่อให้ได้มาซึ่งความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ หรือช่วยลดความขัดแย้งลงเหมือนในยุคเศาะหาบะฮฺนั้นกลายเป็นเรื่องที่กระทำได้ยากในยุคนี้ เนื่องจากอุละมาอ์ได้แยกย้ายกันไปตามเมืองต่างๆ ทำให้ยากต่อการติดต่อเพื่อปรึกษาหารือกัน

3 - แต่ละเมืองที่บรรดาอุละมาอ์ได้แยกย้ายไปพำนักอาศัยอยู่นั้น ต่างก็มีวัฒนธรรม ประเพณี และระบบระเบียบทางสังคมที่แตกต่างกันไป ส่งผลให้การวินิจฉัยของอุละมาอ์นั้นแตกต่างกัน ทั้งนี้ เพราะอุละมาอ์จำเป็นต้องคำนึงถึงลักษณะความเป็นอยู่ของคนในสังคมประกอบการวินิจฉัยปัญหา ตราบใดที่ไม่ขัดกับหลักศาสนา

4 - ผู้คนในแต่ละเมือง ศึกษาฟิกฮฺจากอุละมาอ์ของเมืองนั้นๆ และมีความเลื่อมใสในตัวพวกท่าน และในคำวินิจฉัยของพวกท่าน


(2) – การรายงานหะดีษอย่างแพร่หลายมากขึ้น

การรายงานหะดีษในยุคเศาะหาบะฮฺนั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก ทั้งนี้ เพราะในยุคนั้นยังมีปัญหาไม่มากนัก ขณะเดียวกันเศาะหาบะฮฺส่วนใหญ่ก็มีความรู้ความเข้าใจเรื่องสุนนะฮฺเป็นอย่างดี จึงไม่มีความจำเป็นต้องรายงานหะดีษก่อนที่จะเกิดปัญหา

ส่วนในยุคตาบิอีน ซึ่งมีเหตุการณ์ และปัญหาใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ทำให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องรู้ตัวบทหะดีษเพื่อยึดเป็นหลักในการวินิจฉัยปัญหา ทำให้ผู้ที่ท่องจำหะดีษต้องทำการรายงานหะดีษที่ตนมีอยู่

สรุปผลพวงจากการรายงานหะดีษอย่างแพร่หลายในวงกว้างเช่นนี้ ได้ดังนี้

1 - การขยายขอบเขตของบทบัญญัติ และมีการวินิจฉัยหุก่มด้วยการวิเคราะห์จากตัวบทหะดีษมากขึ้น

2 - มีการรายงานหะดีษเมาฎูอฺ (หะดีษปลอม) ปะปนกับหะดีษที่ถูกต้อง

3 - ซึ่งการแพร่หลายของหะดีษปลอมนั้นทำให้เกิดความยากลำบากในวินิจฉัยของบรรดาอุละมาอ์ เพราะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นหะดีษที่ถูกต้องใช้เป็นหลักฐานได้หรือไม่

4 – ทำให้มีศาสตร์ใหม่ถือกำเนิดขึ้นมานั้นคือ ญัรฺห วะ ตะอฺดีล ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ว่าการตรวจสอบสายรายงานหะดีษ เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้ประกอบการพิจารณาหะดีษ


(3) – การถือกำเนิดของแนวคิดทางฟิกฮฺ

ในยุคนี้ ถึงแม้จะยังไม่มีมัซฮับทางฟิกฮฺอย่างเป็นแบบแผน มีแนวทางหรือหลักการเฉพาะในความหมายของมัซฮับในยุคหลัง แต่ก็เริ่มมีความแตกต่างทางแนวคิดอย่างเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกิดแนวคิดต่างๆขึ้นมากมาย แต่ที่มีชื่อเสียงและสำคัญที่สุดก็มีอยู่ 2 แนวคิด คือ
        
1– แนวคิดสายมะดีนะฮฺ

มะดีนะฮฺนั้นถือที่พำนักของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ภายหลังการฮิจญฺเราะฮฺ และยังเป็นเมืองหลวงแรกของรัฐอิสลาม ในภายหลังแม้ว่าจะมีการย้ายเมืองหลวงไปยังที่อื่น แต่มะดีนะฮฺก็ยังคงไว้ซึ่งการเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางศาสนา และเป็นแหล่งพำนักของบรรดาเศาะหาบะฮฺจำนวนมาก
  
ซึ่งอุละมาอ์มะดีนะฮฺที่เป็นแกนหลักของวิชาฟิกฮฺในยุคนี้ก็ดังเช่น
1 - สะอีด บิน อัลมุซัยยิบ (เสียชีวิต ฮ..94)
2 - อุรฺวะฮฺ บิน ซุเบรฺ (เสียชีวิต ฮ..94)
3 - อบูบักรฺ บิน อับดิรฺเราะหฺมาน บิน อัลฮาริษ อัลมัคซูมียฺ (เสียชีวิต ฮ..94)
4 - อุบัยดุลลอฮฺ บิน อับดุลลอฮฺ บิน อุตบะฮฺ (เสียชีวิต ฮ..98)
5 - คอริญะฮฺ บิน ซัยดฺ บิน ษาบิต (เสียชีวิต ฮ..99)
6 - อัลกอซิม บิน มุฮัมหมัด บิน อบีบักรฺ (เสียชีวิต ฮ..107)
7 - สุลัยมาน บิน ยะซารฺ (เสียชีวิต ฮ..107)          
อันเป็นที่รู้จักกันในนาม "อัลฟุเกาะฮาอฺ อัซซับอะฮฺ" (อุละมาอ์ฟิกฮฺทั้ง 7)


2 - แนวคิดสายกูฟะฮฺ

หลังจากที่ได้มีการก่อตั้งเมืองกูฟะฮฺขึ้น เศาะหาบะฮฺหลายๆท่านได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่นั่น ยกตัวอย่างเช่น ท่านอิบนฺ มัสอูด ท่านสะอฺด บิน อบีวักกอศ ท่านอนัส บิน มาลิก ซึ่งภายหลังจากที่ท่านอุษมานถูกลอบสังหาร จำนวนเศาะหาบะฮฺที่ไปตั้งรกราก ณ เมืองกูฟะฮฺก็เพิ่มขึ้นเป็น 300 คน ในสมัยของท่านอะลี ท่านได้สถาปนากูฟะฮฺเป็นเมืองหลวงของรัฐอิสลามในยุคนั้น  
              
ซึ่งอุละมาอ์กูฟะฮฺที่เด่นๆในยุคนี้มีดังนี้
1 – อัลเกาะมะฮฺ บิน ก็อยซฺ อันนะเคาะอียฺ (เสียชีวิต ฮ..62)
2 – อัลอัสวัด บิน ยะซีด อันนะเคาะอียฺ
3 - อบู มัยสะเราะฮฺ อัมรฺ บิน ชะรอฮีล อัลฮะมะดานี
4 – อิบนฺ อบี ลัยลา
5 – ชะรีก อัลกอฎีย์
6 – อบู ฮะนีฟะฮฺ  

การจดบันทึกในยุคนี้

ยุคตาบิอีนผ่านพ้นไปโดยที่ยังไม่มีการบันทึก หรือเขียนตำราทางฟิกฮฺแต่อย่างใด เช่นเดียวกับสุนนะฮฺ แม้ว่าจะมีความพยายามให้เห็นบ้างอย่างประปราย แต่ก็ยังไม่มีการเริ่มต้นอย่างเป็นรูปเป็นร่าง

ข้อสรุป

ใน ยุคตาบิอีน เราจะเห็นว่าฟิกฮฺได้มีพัฒนาการไปอีกระดับหนึ่ง โดยตาบิอีนได้ยึดมั่นกับแนวทางที่บรรดาเศาะหาบะฮฺได้วางเอาไว้ แต่ถึงกระนั้น จะเห็นได้ชัดว่าเริ่มมีความขัดแย้งกันทางทัศนะเพิ่มมากขึ้น เริ่มมีการแบ่งแนวคิดทางฟิกฮฺอย่างชัดเจนมากขึ้น อันเป็นเสมือนการปูทางไปสู่ความขัดแย้งทางแนวคิดและหลักการวินิจฉัยทางฟิกฮฺ และการเกิดมัซฮับต่างๆขึ้น  

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Popular Posts

featured Slider

Popular Posts

Like us on Facebook

ต่อไปนี้คือแบบฉบับของมวลมนุษยชาติ ที่เรามีความภูมิใจไว้นำเสนอ เพื่อให้เยาชนมุสลิมของเราได้ศึกษาและยึดถือเป็นแบบอย่าง และดำเนินชีวิตในท่ามกลางแสงสว่างจากการชี้นำของพวกเขา

Flickr Images



บทเรียนสั้นๆเหล่านี้กล่าวถึงเรื่อง “อุลูมุ้ลกุรอาน” ที่เราต้องการนำเสนอแก่กุลบุตรกุลธิดาของเรา ก่อนที่พวกเขาจะศึกษาวิชา “ตัฟซีร” เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลที่นักวิชาการทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ได้นำเสนอไว้ เพื่อรับใช้อัลกุรอาน