คุณค่าในการแสวงหาความรู้ ในทัศนะของอิสลาม

13:24:00


คุณค่าในการแสวงหาความรู้
ในทัศนะของอิสลาม

การศึกษาเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน

 อัลเลาะห์ตาอาลาทรงตรัสว่า
" اِقْرَأْ بِاسْمِ رِبِّكَ الَّذِيْ خَلَقَ "  ( العلق 1)

เจ้าจงอ่านในนามแห่งอองค์อภิบาลของเจ้าผู้ทรงสร้างเถิด   (อัลอะลัก 1)

ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล) ได้กล่าวว่า
" طَلَبُ الْعِلْمِ فَرِيْضَةٌ عَلَى كُلِّ مُسْلِمٍ "  رواه ابن ماجه

การแสวงหาความรู้เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ”   รายงานโดยอิบนุมาญะห์


คำว่าหน้าที่ (فرض)  นั้นนักวิชาการแบ่งออกเป็นสองชนิด

1- หน้าที่เฉพาะตน (فَرْضُ عَيْنٍ)   ได้แก่การศึกษาในหลักศรัทธา และการปฏิบัติต่างๆ ที่ศาสนาใช้บังคับเช่นการทำความสะอาด ละหมาด การถือศีลอด ซะกาต และฮัจญ์

2- หน้าที่โดยส่วนรวม    ( فَرْضُ كِفَايَةٍ)   ได้แก่การศึกษาวิชาการที่จะทำให้การดำเนินชีวิตในโลกนี้ได้รับความสะดวกสบายเช่นการก่อสร้าง   การแพทย์   การตัดเย็บเสื้อผ้า วิชาการคำนวณ   ถ้าหากทุกคนในชุมชนละเลยไม่ศึกษาจะเกิดบาปขึ้นแก่ทุกคน


วิชาการเป็นสิ่งที่สูงส่งในมุมมองของอิสลาม

วิชาความรู้เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต เพราะเป็นชีวิตของหัวใจ  และเป็นแสงสว่างของดวงตา  ด้วยความรู้จะทำให้มนุษย์บรรลุสู่เป้าหมาย

ท่านอะลี บุตร อะบีตอลิบ ได้ส่งเสริมการศึกษาโดยกล่าวว่า
" عَلِّمُوْا أَوْلاَدَكُمْ فَإِنَّهُمْ مَخْلُوْقُوْنَ لِزَمَانٍ غَيْرِ زَمَانِكُمْ "

พวกท่านจงให้การศึกษาแก่บุตรหลานของพวกท่านเถิด เพราะพวกเขาเกิดขึ้นมาอยู่คนละยุคกับพวกท่าน


ท่านอิหม่ามชาฟิอี รอฮิมะฮุ้ลลอฮ์ ได้กล่าวว่า
" مَنْ أَرَادَ الدُّنْيَا فَعَلَيْهِ بِالْعِلْمِ وَمَنْ أَرَادَ الآخِرَةَ فَعَلَيْهِ بِالْعِلْمِ
وَمَنْ أَرَادَ هُمَا مَعًا فَعَلَيْهِ بِالْعِلْمِ"


ผู้ใดปรารถนาโลกนี้ ให้เขาจงศึกษา  ผู้ใดปรารถนาโลกหน้า ให้เขาจงศึกษา และผู้ใดปรารถนาทั้งสองโลก  ก็ให้เขาจงศึกษาเถิด


ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) ได้เคยมอบฉายาให้แก่ซอฮาบะห์ที่มีความเชี่ยวชาญในวิชาการแขนงต่างๆ เช่น

" أَعْلَمُكُمْ بِالْحَلاَلِ وَالْحَرَامِ مُعَاذُ بْنُ جَبَلٍ "  رواه ابن ماجه


ผู้ที่รู้เรื่องฮาลาล และฮะรอมดีที่สุดในหมู่พวกท่านคือ มุอาซ บุตร ญะบัล ”  รายงานโดยอิบนุมาญะห์

" أَفْرَضُكُمْ زَيْدُ بْنُ ثَابِتٍ "   رواه ابن ماجه


ผู้ที่รู้เรื่องการแบ่งมรดกมากที่สุดคือ เซด บุตร ซาบิต ”   รายงานโดยอิบนุมาญะห์


อิบนุมิสกะวัยฮ์ และอัลฆอซาลี นักวิชาการด้านการศึกษากล่าวว่า

  วิชาความรู้คืออาหารของวิญญาณ และอาหารของสมอง


อิบนุคอลดูล  นับว่าวิชาความรู้และการสอนเป็นธรรมชาติในความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์.     และได้กล่าวว่ามนุษย์และสัตว์มีส่วนที่เหมือนกันในเรื่องความรู้สึก  การ เคลื่อนไหว การบริโภคและอื่นๆ และที่มนุษย์ต่างจากสัตว์ก็คือ ความคิด จากความคิดนี้ทำให้เกิดวิชาการต่างๆ และอุตสาหกรรมต่างๆ ขึ้น.


ฆอซาลี ได้กล่าวว่า  ผู้ใดได้ความรู้แล้วใช้ประโยชน์จากความรู้นั้น และนำไปสั่งสอนผู้อื่น เขาก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ ที่มีแสงสว่างในตัวเอง  และให้แสงสว่างแก่สิ่งอื่นๆ


มีคำพูดที่พาดพิงถึงท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) ว่า


اُطْلُبُوا الْعِلْمَ مِنَ الْمَهْدِ إِلَى اللَّحْدِ
พวกท่านจงแสวงหาความรู้ตั้งแต่อยู่ในเบาะจนถึงหลุมฝังศพ


ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีหน้าที่ต้องศึกษาเหมือนกัน



มีผู้ถาม อะบูอัมร์ บุตรอัลอะลาอ์ว่า  คนชราควรหาความรู้หรือไม่ ?  เขาตอบว่า ถ้าหากคนชราสมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป  เขาก็ควรที่จะต้องศึกษา
 

-     คุณประโยชน์ที่ได้รับจากการแสวงหาความรู้ทางธรรม


มีรายงานจาก  ฮาติม  อัลอะซอมม์  ลูกศิษย์ของ  ชะกีก  อัลบัลดีย์  (ร.ด)  ว่า :
ชะกีกถามฮาติมว่า    ท่านมาอยู่กับฉันตั้งแต่เมื่อใด?
ฮาติมตอบว่า  :  หนึ่งปีแล้ว.
ชะกีกถามว่า  :  ท่านได้เรียนรู้อะไรไปจากฉันบ้างในช่วงเวลาหนึ่งปีนี้ ?
ฮาติมตอบว่า :   ฉันเรียนรู้จากท่านแปดเรื่อง.
ชะกีกกล่าวว่า :    " إِنَّا ِللهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُوْنَ "  ชีวิตของฉันสูญเสียไปกับท่านหนึ่งปี  ท่านเรียนรู้จากฉันแค่เพียง  8  เรื่องเท่านั้นหรือ?
ฮาติม  :  อาจารย์ครับ  ผมเรียนรู้ได้เพียงเท่านั้นจริงๆ  ผมไม่ต้องการโกหกอาจารย์หรอกครับ.
ชะกีก  :  ถ้าเช่นนั้นจงบอกฉันมาว่าท่านได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง ?  ฉันจะฟัง.


เรื่องที่หนึ่ง
ฮาติม  :  ผมพิจารณาดูมนุษย์ในโลกนี้  แต่ละคนล้วนแต่มีสิ่งที่เขารักเขาจะนำสิ่งที่เขารักไปยังหลุมฝังศพด้วย  แต่เมื่อถึงหลุมฝังศพสิ่งที่เขารักก็จะแยกไปจากเขา  ผมจึงเอาความดีทั้งหลายมาเป็นสิ่งที่ผมรัก  เพราะเมื่อผมเข้าไปอยู่ในหลุมฝังศพความดีที่ผมรักก็จะเข้าไปอยู่ในหลุมฝังศพกับผมด้วย.

ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์  (ซ.ล)  ได้กล่าวว่า :


( يَتَّبِعُ الْمَيِّتَ ثَلاَثَةٌ أَهْلُهُ وَمَالُهُ وَعَمَلُهُ فَيَرْجِعُ اِثْنَانِ وَيَبْقَى وَاحِدٌ
يَرْجِعُ مَالُهُ وَأَهْلُهُ وَيَبْقَى عَمَلُهُ)  رواه الشيخان
สามอย่างจะติดตามศพไปคือ ครอบครัวของเขา ทรัพย์สินของเขา และอะมั้ล (ผลงาน) ที่เขาทำไว้  หลังจากนั้นจะกลับไปสองอย่าง จะอยู่กับผู้ตายหนึ่งอย่างทรัพย์สินและครอบครัวของเขาจะกลับไป ส่วนอะมั้ล (ผลงาน)ที่เขาทำไว้จะอยู่กับเขา  รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม.   
ชะกีก  :  ดีมาก   ฮาติม!   แล้วเรื่องที่สองคือ อะไร ?


เรื่องที่สอง

ฮาติม  :  ฉันได้พิจารณาคำดำรัสของอัลเลาะห์  ตาอาลาที่ว่า

" وَأَمَّا مَنْ خَافَ مَقَامَ رَبِّهِ  وَنَهَى النَّفْسَ عَنِ الْهَوَى فَإِنَّ الْجَنَّةَ هِيَ الْمَأْوَى " ( النازعات 40 )
สำหรับผู้ที่กลัวตำแหน่งที่ยืนพิจารณาคดีขององค์อภิบาลของเขา  และหักห้ามตนเองให้พ้นจากอำนาจใฝ่ต่ำ  แท้จริงสวรรค์คือที่พำนักของเขา  (อันนาซิอาต 40)

ฉันทราบดีว่าคำดำรัสของอัลเลาะห์เป็นสัจธรรม  ฉันจึงทุ่มเทตนเองในการผลักอารมณ์ใฝ่ต่ำออกไป  จนในที่สุดฉันก็มั่นคงอยู่ในการภักดีต่ออัลเลาะห์ตาอาลา.

เรื่องที่สาม

ฮาติม   : ฉันได้พิจารณาดูมนุษย์ในโลกนี้. ฉันพบว่า  คนที่มีของมีค่านั้น  เขามักจะเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดี  ต่อมาเมื่อฉันได้พิจารณาคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า.


" مَاعِنْدَكُمْ يَنْفَدُ وَمَا عِنْدَ اللهِ بَاقٍ " ( النحل : 96)
สิ่งที่พวกท่านมีนั้นจะต้องหมดสิ้นไป  ส่วนสิ่งที่อยู่กับอัลเลาะห์นั้นจะคงอยู่ตลอดไป   (อันนะฮ์ลิ 96)

ทุกครั้งที่ฉันได้รับสิ่งมีค่า  ฉันจะนำมันไปหาอัลเลาะห์  เพื่อให้มันถูกเก็บรักษาไว้กับพระองค์ตลอดไป.


เรื่องที่สี่

ฮาติม  :  ฉันได้พิจารณามนุษย์ในโลกนี้.  แล้วฉันก็พบว่า  แต่ละคนมุ่งแต่จะแสวงหาทรัพย์สิน  เกียรติยศ  และชื่อเสียง  ต่อมาฉันก็พิจารณาพบว่าไม่มีแก่นสารใดๆ  อยู่ในสิ่งเหล่านั้น  ฉันได้พิจารณาคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า


" إِنَّ أَْكْرَمَكُمْ عِنْدَ اللهِ أَتْقَاكُمْ "  ( الحجرات : 13)
แท้จริงผู้ที่ประเสริฐที่สุดในหมู่พวกท่าน  ณ  พระองค์อัลเลาะห์  คือ  ผู้ที่มีความยำเกรงที่สุดในหมู่พวกท่าน   (อัลฮุญูรอต 13)
ฉันจึงทำแต่สิ่งที่เป็นความยำเกรง  เพื่อฉันจะได้เป็นผู้ที่มีเกียรติ    พระองค์อัลเลาะห์.


เรื่องที่ห้า

ฮาติม  :  ฉันได้พิจารณามนุษย์ในโลกนี้  พวกเขาทิ่มตำกัน  สาปแช่งกัน  ต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากความอิจฉาริษยา  ต่อมาฉันได้พิจารณาคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า.


" نَحْنُ قَسَمْنَا بَيْنَهُمْ مَعِيْشَتَهُمْ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا " (الزخرف : 32)
เราได้แบ่งปัจจัยการดำรงชีพในระหว่างพวกเขาแล้วในการดำเนินชีวิตในโลกนี้  (อัซซุครุฟ  32) 

ดังนั้นฉันจึงทิ้งความอิจฉาริษยา  และหลีกห่างจากผู้คน  และฉันก็รู้ว่า  การแบ่งปันนั้นมาจากอัลเลาะห์ตาอาลา  และฉันก็ละทิ้งการเป็นศัตรูกับเพื่อนมนุษย์.


เรื่องที่หก

ฮาติม  :  ฉันได้พิจารณามนุษย์ในโลกนี้  พบว่าพวกเขามีการละเมิดซึ่งกันและกัน  บางคนทำร้ายกัน  ฉันจึงได้ทบทวนคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า.

" إِنَّ الشَّيْطَانَ لَكُمْ عَدُوٌّ فَاتَّخِذُوْهُ عَدُوًّا " (فاطر  6)
แท้จริงชัยตอนเป็นศรัตรูของพวกเจ้า  ดังนั้นเจ้าจงเอาชัยตอนเป็นศัตรูเถิด  (ฟาติร  6) 

ดังนั้นฉันจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับชัยตอนเพียงผู้เดียว  และระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่  เพราะอัลเลาะห์ได้ทรงยืนยันไว้แล้วว่ามันคือศัตรู  ฉันจึงไม่ยอมเป็นศัตรูกับมนุษย์คนใด.


เรื่องที่เจ็ด

ฮาติม  :   ฉันได้พิจารณามนุษย์ในโลกนี้  ฉันพบว่าแต่ละคนต่างก็ขวนขวายหาสิ่งไร้สาระ  ซึ่งทำให้ตนเองตกต่ำ  และนำพาตนเองสู่สิ่งต้องห้าม  ต่อมาฉันได้พิจารณาคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า.


 " وَمَا مِنْ دَابَّةٍ فِي اْلأَرْضِ إِلاَّ عَلَى اللهِ رِزْقُهَا "  (هود : 6)
ไม่มีสัตว์ตัวใดในหน้าแผ่นดิน  นอกจากอัลเลาะห์จะเป็นผู้ค้ำประกันปัจจัยยังชีพของมัน    (ฮูด  6)

ฉันรู้ว่าฉันก็เป็นสัตว์ ที่อัลเลาะห์ได้ให้หลักประกันว่าจะจัดปัจจัยยังชีวิตให้แก่ฉัน  ดังนั้นฉันจึงกระทำแต่สิ่งที่อัลเลาะห์มีสิทธิ์อยู่เหนือฉัน  และฉันจะไม่เรียกร้องสิทธิ์ของฉันที่อยู่กับอัลเลาะห์.


เรื่องที่แปด

ฮาติม  : ฉันได้พิจารณามนุษย์ในโลกนี้  และพบว่าพวกเขาได้มอบหมายความสำเร็จในการทำงานไว้กับมนุษย์ด้วยกัน  คนนี้มอบหมายความสำเร็จในหน้าที่การงานของเขาไว้กับคนงาน  มอบหมายการทำธุรกิจของเขาไว้กับผู้จัดการ  มอบหมายการผลิตของเขาไว้กับโรงงาน  และมอบสุขภาพไว้กับหมอและยาเป็นต้น  ซึ่งแต่ละคนต่างก็มอบหมายความสำเร็จไว้กับกันและกัน  ดังนั้นฉันจึงได้ทบทวนคำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า

 " وَمَنْ يَتَوَكَّلْ عَلَى اللهِ فَهُوَ حَسْبُهُ "  ( الطلاق  3)
และใครที่มอบหมายความสำเร็จในการงานของเขาไว้กับอัลเลาะห์  พระองค์ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา  (อัตตอลาก 3)


ดังนั้นฉันจึงมอบหมายความสำเร็จในการงานของฉันไว้กับอัลเลาะห์ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร  และพระองค์ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน

ชะกีกได้กล่าวว่า : ฮาติม ! ขออัลเลาะห์ได้โปรดชี้นำท่าน เพราะเมื่อฉันได้พิจารณาในความรู้ในคัมภีร์เตารอห์  อินญีล  อัซซะบูร และอัลกุรอาน  ฉันได้พบว่าความดีและหลักศาสนาทั้งหมดนั้นจะวนเวียนอยู่ในแปดเรื่องนี้  ดังนั้นผู้ใดใช้มันทั้งแปดเรื่อง ก็เท่ากับเขาได้ใช้คัมภีร์ทั้งสี่เล่มนั้น .

( จากหนังสือเอี๊ยยาอ์อัลอุลูม  เล่มหนึ่ง  หน้า 92-93)


-     คุณประโยชน์ที่ได้รับจากการแสวงหาความรู้ทางธรรม
-     การแสวงหาความรู้ทางโลกจะได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกับทางธรรมหรือไม่
-     นักปราชญ์มุสลิมที่ได้ทำคุณปะโยชน์ต่อมนุษยชาติในด้านต่างๆ
-     ความรู้ในด้านต่างๆที่มีอยู่ในอัลกุรอานและฮะดีษซึ่งถูกค้นพบแล้วและรอการค้นพบ  
      ในกาลข้างหน้า










You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Popular Posts

featured Slider

Popular Posts

Like us on Facebook

ต่อไปนี้คือแบบฉบับของมวลมนุษยชาติ ที่เรามีความภูมิใจไว้นำเสนอ เพื่อให้เยาชนมุสลิมของเราได้ศึกษาและยึดถือเป็นแบบอย่าง และดำเนินชีวิตในท่ามกลางแสงสว่างจากการชี้นำของพวกเขา

Flickr Images



บทเรียนสั้นๆเหล่านี้กล่าวถึงเรื่อง “อุลูมุ้ลกุรอาน” ที่เราต้องการนำเสนอแก่กุลบุตรกุลธิดาของเรา ก่อนที่พวกเขาจะศึกษาวิชา “ตัฟซีร” เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลที่นักวิชาการทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ได้นำเสนอไว้ เพื่อรับใช้อัลกุรอาน