1.การตรงต่อเวลา

12:49:00

เล่าจากอิบนิอุมัร (ร.ด.) ว่าท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.)  ได้จับบ่าทั้งสองข้างของฉัน แล้วพูดขึ้นว่า   ท่านจงอยู่ในโลกนี้เหมือนท่านเป็นคนแปลกหน้า,  หรือเป็นเพียงคนที่เดินทางผ่าน    และอิบนุ  อุมัร  (ร.ด)  ได้กล่าวไว้ว่า  :  เมื่ออยู่ในเวลาเย็น  ท่านอย่าคอยจนถึงเวลาเช้า,  เมื่อท่านอยู่ในเวลาเช้าท่านก็อย่าคอยจนถึงเวลาเย็น,  ท่านจงตักตวง  (ความดี)  ขณะที่มีสุขภาพดี  เพื่อยามเจ็บป่วยของท่าน,  และท่านจงตักตวง  (ความดี)  ขณะที่ยังมีชีวิต  เพื่อความตายของท่าน.   รายงานโดยบุคอรี.




1-    การตรงต่อเวลา

عَنْ عَبْدِ اللهِ بْنِ مَسْعُوْدٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قال : سَأَلْتُ رسولَ اللهِ صلى الله عليه وسلم  : أَيُّ اْلأَعْمَالِ أَفْضَلُ ؟ قَالَ :  "اَلصَّلاَةُ عَلَى وَقْتِهَا " قُلْتُ : ثُمَّ أَيٌّ قَالَ : "بِرُّ الْوَالِدَيْنِ "  " قُلْتُ : ثُمَّ أَيٌّ قَالَ : " اَلْجِهَادُ فِيْ سَبِيْلِ اللهِ "  رواه البخاري ومسلم

หนึ่ง : เล่าจากอับดุลเลาะห์ บุตร มัสอูด (ร.ด.) ว่า ฉันได้ถามท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.)ว่า กิจกรรมใดประเสริฐที่สุด ?  ท่านตอบว่า  การละหมาดตามกำหนดเวลาของมัน  ฉันถามว่าหลังจากนั้นคืออะไร ? ท่านตอบว่า การกตัญญูต่อบิดามารดา ฉันถามว่าหลังจากนั้นคืออะไร ? ท่านตอบว่า การต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะห์  รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม.

ความหมายโดยสรุป

            ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้ตอบคำถามของซอฮาบะห์ผู้ทรงเกียรติคืออับดุลเลาะห์ บุตร มัสอูดที่ได้เรียนถามท่านถึงกิจกรรมต่างๆที่มีความประเสริฐที่สุด เพราะมีความต้องการจะปฏิบัติแต่กิจกรรมที่ดี ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้ตอบว่า การปฏิบัติละหมาดฟัรดู 5 เวลาทุกวัน ตามเวลาที่กำหนดเป็นกิจกรรมที่ประเสริฐที่สุด กิจกรรมทางศาสนามักจะผูกพันกับเวลาเช่นการถือศีลอดในเดือนรอมาดอน การจ่ายซะกาตเมื่อครอบครองทรัพย์ไว้ครอบรอบหนึ่งปี การทำฮัจย์ในเวลาที่กำหนด เป็นต้น วิทยปัญญาอย่างหนึ่งก็คือต้องการให้มุสลิมเป็นคนตรงต่อเวลา และรักษาเวลา  และกิจกรรมที่มีความประเสริฐในอันดับรองลงไปคือการทดแทนคุณบิดามารดา และการต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะห์.

คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้

1- กิจกรรมที่ประเสริฐที่สุดต่อพระองค์อัลเลาะห์คือการละหมาด
2- กิจกรรมที่ประเสริฐที่สุดต่อมนุษย์คือการทดแทนคุณบิดามารดา
3- การละหมาดตามเวลาที่กำหนดเป็นกิจกรรมที่ประเสริฐที่สุด
4- ส่งเสริมให้มุสลิมเป็นคนตรงต่อเวลา
5- การทดแทนคุณบิดามารดาเป็นการกระทำที่ประเสริฐ
6- การต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะห์เป็นการกระทำที่ประเสริฐ



عَنِ ابْنِ عُمَرَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُمَا قَالَ : أَخَذَ رسولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم بِمَنْكِبَيَّ فَقَالَ : " كُنْ فِي الدُّنْيَا كَأَنَّكَ غَرِيْبٌ أَوْ عَابِرُ سَبِيْلٍ " وَكَانَ ابْنُ عُمَرَ رضي الله عنهُمَا يَقُوْلُ : إِذَا أَمْسَيْتَ فَلاَ تَنْتَظِرِ الصَّبَاحَ وَإِذَا أَصْبَحْتَ فَلاَ تَنْتَظِرِ الْمَسَاءَ وَخُذْ مِنْ صِحَّتِكَ لِمَرَضِكَ وَمِن حَيَاتِكَ لِمَوْتِكَ " رواه البخاري
สอง : เล่าจากอิบนิอุมัร (ร.ด.) ว่าท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.)  ได้จับบ่าทั้งสองข้างของฉัน แล้วพูดขึ้นว่า   ท่านจงอยู่ในโลกนี้เหมือนท่านเป็นคนแปลกหน้า,  หรือเป็นเพียงคนที่เดินทางผ่าน    และอิบนุ  อุมัร  (ร.ด)  ได้กล่าวไว้ว่า  :  เมื่ออยู่ในเวลาเย็น  ท่านอย่าคอยจนถึงเวลาเช้า,  เมื่อท่านอยู่ในเวลาเช้าท่านก็อย่าคอยจนถึงเวลาเย็น,  ท่านจงตักตวง  (ความดี)  ขณะที่มีสุขภาพดี  เพื่อยามเจ็บป่วยของท่าน,  และท่านจงตักตวง  (ความดี)  ขณะที่ยังมีชีวิต  เพื่อความตายของท่าน.   รายงานโดยบุคอรี.


ความหมายโดยสรุป

            ท่านนบี (ซ.ล.) ได้อธิบายให้พวกเราทราบถึงสภาพที่แท้จริงของโลกนี้ว่าไม่ใช่เป็นที่พำนักที่จีรังและถาวร มนุษย์ที่มาอยู่ในโลกนี้จึงเหมือนคนแปลกหน้าหรือคนต่างถิ่นที่เดินทางเข้ามาแล้วก็จากไป โลกนี้จึงเป็นสถานที่ที่มนุษย์จะต้องกอบโกยความดีไว้ให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ และจะต้องไม่ติดยึดอยู่กับโลกนี้ ด้วยความลุ่มหลงและและมุ่งแสวงหาแต่ทรัพย์สินเพื่อความสุขในโลกนี้เท่านั้น ท่านอิบนุอุมัร (ร.ด.) ได้อธิบายว่า มนุษย์จะต้องไม่ผลัดวันปะกันพรุ่งในการทำความดี และสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ โดยกล่าวว่า เมื่ออยู่ในเวลาเช้า อย่าคอยเวลาเย็น เมื่ออยู่ในเวลาเย็นอย่าคอยเวลาเช้า นั่นก็คือเมื่อสบโอกาสที่จะทำความดีและสิ่งที่เป็นประโยชน์ จะต้องรีบทำทันที และจงตักตวงความดี  ขณะที่มีสุขภาพดี  เพื่อยามเจ็บป่วยของท่าน เพราะเมื่อเจ็บป่วยก็จะพลาดโอกาสในการทำความดี   และจงตักตวงความดี  ขณะที่ยังมีชีวิต  เพื่อความตายของท่าน เพราะเมื่อเสียชีวิต ก็จะหมดโอกาสทำความดี.

คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้

1- โลกนี้เป็นเพียงแหล่งพำนักชั่วคราว และเป็นเพียงทางผ่าน
2- รีบทำความดีทันทีเมื่อมีโอกาส
3- ห้ามการผัดวันประกันพรุ่ง
4- เวลาเป็นสิ่งมีค่าเมื่อผ่านไปแล้วเรียกเอาคืนไมได้
5- โลกนี้เป็นแหล่งที่มนุษย์มาแข่งขันทำความดี



عَنْ عَبْدِ اللهِ بْنِ عَبَّاسٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُمَا  قَالَ : قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه وسلم :    " نِعْمَتَانِ مَغْبُوْنٌ فِيْهِمَا كَثِيْرٌ مِنَ النَّاسِ : اَلصِّحَّةُ وَالْفَرَاغُ "  رواه الترمذي                           
              สาม : เล่าจากอับดิ้ลลาห์ บุตร  อับบาส (ร.ด.) ว่า  ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.)  ได้กล่าวว่า   มีความโปรดปรานสองประการที่ผู้คนส่วนมากมักละเลยนั่นคือ  ความมีสุขภาพดี  และเวลาว่าง”   รายงานโดยติรมีซี


ความหมายโดยสรุป

            ท่านนบี (ซ.ล.) ได้สอนประชากรของท่านให้เห็นคุณค่าของเวลาและสุขภาพ โดยเตือนให้ได้คิดว่าคนส่วนใหญ่เมื่อได้รับความโปรดปรานมีเวลาว่าง แต่ก็ปล่อยปละละเลยไม่ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ แต่นำเวลานั้นไปใช้ให้หมดไปในทางที่ไร้วาระไม่เกิดประโยชน์ใดๆ จนในที่สุดเมื่อมีการงานรัดตัวไม่มีเวลาว่าง เขาก็ระทมทุกข์และเสียใจ      ความมีสุขภาพและพลานามัยสมบูรณ์ก็เช่นเดียวกันเมื่อคนที่มีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง และไม่ใช้โอกาสอันดีนี้ตักตวงทำความดี เขาก็จะเป็นผู้ขาดทุนและเสียใจ  เมื่อร่างกายอ่อนแอ มีโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเบียดเบียนจนพลาดโอกาสในการทำความดีไป ดังนั้นมุสลิมจึงค้องเป็นผู้ที่รู้คุณค่าของเวลา และคุณค่าของสุขภาพพลานามัยที่  อัลเลาะห์ตาอาลาประทานให้ด้วยการขอบคุณพระองค์เป็นอย่างสูง.                                                  
                                                  


คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้
1- เวลาและความมีสุขภาพพลานามัยเป็นความโปรดปรานของอัลเลาะห์                             
2- ตักตวงทำความดีเมื่อมีเวลา และมีสุขภาพดี                                                                                 
3- การเจ็บไข้ได้ป่วยและภารกิจการงานที่ยุ่งเป็นอุปสรรคในการทำความดี                                      
4- สำนึกในบุญคุณของพระเจ้าที่ได้ประทานเวลาและสุขภาพที่ดีให้




عَنْ عَبْدِ اللهِ بْنِ عُمَرَ قَالَ :   قَالَ رسولُ اللهِ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم : "لاَ تَزُوْلَ قَدَمَا عَبْدٍ يَوْمَ الْقِيَامَةِ حَتَّى يُسْأَلَ عَنْ أَرْبَعٍ : عَنْ عُمْرِهِ فِيْمَا أَفْنَاهُ ، وَعَنْ شَبَابِهِ فِيْمَا أَبْلاَهُ ، وَعَنْ مَالِهِ مِنْ أَيْنَ اكْتَسَبَهُ وَفِيْمَا أَنْفَقَهُ ، وَعَنْ عِلْمِهِ مَاذَا فَعَلَ بِهِ "  أخرجه الإمام أحمد في مسنده

            สี่  : เล่าจากอับดิ้ลลาห์บุตร อุมัร ว่า ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า บ่าวทั้งสองข้างของบ่าวจะยังคงอยู่กับที่ในวันกิยามะห์ จนกว่าเขาจะถูกถามสี่ประการคือ ถามถึงอายุของเขา ว่าใช้ให้หมดไปอย่างไร ถามถึงวัยหนุ่มของเขาว่าเขาได้ทำอะไรไว้  ถามถึงทรัพย์สมบัติของเขาว่าเขาได้มาอย่างไร และใช้จ่ายมันอย่างไร และถามถึงความรู้ของเขาว่าเขาได้ใช้ความรู้ทำอะไรบ้าง รายงานโดยอิหม่ามอะห์มัด ในหนังสือมุสนัดของเขา.


ความหมายโดยสรุป

ท่านนบี (ซ.ล.) ได้บอกให้พวกเราได้ทราบสภาพการสอบสวนที่จะเกิดขึ้นในวันกิยามะห์ที่ทุกคนจะต้องประสบว่าจะต้องถูกสอบถามสี่ประการคือ หนึ่ง  ถามถึงอายุของเขา ว่าตลอดอายุที่เขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เขาได้บริหารจัดการอย่างไร ใช้ให้หมดไปกับการทำความดีหรือความชั่ว  สองถามถึงวัยหนุ่มของเขา ซึ่งเป็นวัยของความกระชุ่มกระชวย วัยของความเข้มแข็ง ว่าเขาได้ใช้พลังของวัยหนุ่มวัยสาวหมดไปในทางใดทางสร้างสรรค์หรือทางทำลา   สาม ถามถึงทรัพย์สมบัติของเขา ว่าเขาได้มาอย่างไรได้มาในทางที่ศาสนาอนุมัติ หรือในทางฉ้อโกงและทุจริตที่ศาสนาห้าม และเขาได้ใช้จ่ายทรัพย์ไปในทางใดในทางที่เป็นประโยชน์ หรือทำลายมันอย่างไร้ค่า   สี่ ถามถึงความรู้ของเขา ว่าเขาได้ปฏิบัติตามความรู้หรือไม่ ซึ่งทุกคนสามารถรู้คำตอบของตนได้แม้ขณะอยู่ในโลกนี้ หากเขาเป็นผู้ที่สำรวจตนเอง.

คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้

1-  ส่งเสริมให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าสร้างสมแต่ความดี
2-  หมั่นตรวจสอบตนเองอยู่เสมอเป็นการเตรียมพร้อม
3-  แสวงหาทรัพย์สิน และใช้จ่ายไปในหนทางที่ถูกต้องตามบัญญัติศาสนา
4-  ศึกษาวิชาการที่เป็นประโยชน์และปฏิบัติตามความรู้นั้น
5- รู้คุณค่าของเวลา และใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด




عَنْ أَبِيْ هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنَّ رَسُوْلَ اللهِ صلى الله عليه وسلم قَالَ : " بَادِرُوْا بِالأَعْمَالِ سَبْعًا هَلْ تَنْتَظِرُوْنَ إِلاَّ فَقرًا مَنْسِيًّا أَوْ غِنًى مُطْغِيًا أَوْ مَرَضًا مُفْسِدًا أَوْ هَرَمًا مُفْنِدًا أَوْ مَوْتًا مُجْهِزًا أَوِ الدَّجَّالَ فَشَرُّ غَائِبٍ يُنْتَظَرُ أَوِ السَّاعَةَ فَالسَّاعَةُ أَدْهَى وَأَمَرُّ " رواه الترمذي وقال حديث حسن

          ห้า : เล่าจากอบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่า : ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า: “ท่านทั่งหลายจงรีบเร่งทำความดี ก่อนที่เจ็ดประการนี้จะเกิดขึ้นกับพวกท่าน พวกท่านไม่ได้รอคอยสิ่งใดนอกจากความจนที่ถูกลืมไปแล้วหรือความรวยที่กดขี่ หรือความเจ็บปวดที่ทำให้ถดถอย หรือความชราภาพที่ทำให้สติเลอะเลือน หรือความตายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หรือดัจญาลซึ่งเป็นสิ่งที่เร้นลับที่เลวร้าย หรือวันกิยามะห์ และวันกิยามะห์นั้นวุ่นวายและขื่นขมยิ่ง  รายงานโดย ติรมีซี และกล่าวว่า เป็นหะดีษฮะซัน

ความหมายโดยสรุป

ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) แสดงความห่วงใยต่อประชาชาติของท่านด้วยการเตือนพวกเขาให้รีบเร่งทำความดีก่อนที่จะเกิดอุปสรรคต่างๆ ขึ้นอย่างกระทันหันจนไม่สามารถทำความดีได้อย่างเต็มที่ และอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการทำความดีก็คือความร่ำรวยที่ทำให้มีกิจการมากมาย  ความยากจนที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น ความเจ็บป่วยที่ทำให้หมดกำลังวังชา  ความชราภาพที่ทำให้สติเลอะเลือน ความตายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน  และเหตุการณ์ใกล้วันกิยามะห์ที่มีแต่ความวุ่นวาย.

คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้

1- บอกถึงเรื่องดัจญาล ซึ่งเป็นเครื่องหมายหนึ่งของวันกิยามะห์
2- การลงโทษในโลกดุนยานี้เบากว่าในอาคิเราะห์
3- รีบเร่งทำความดีก่อนที่จะหมดโอกาส
4- อุปสรรคที่ขวางกั้นความดีที่สำคัญคือความยากจน ความร่ำรวย อาการป่วย และความชรา


You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Popular Posts

featured Slider

Popular Posts

Like us on Facebook

ต่อไปนี้คือแบบฉบับของมวลมนุษยชาติ ที่เรามีความภูมิใจไว้นำเสนอ เพื่อให้เยาชนมุสลิมของเราได้ศึกษาและยึดถือเป็นแบบอย่าง และดำเนินชีวิตในท่ามกลางแสงสว่างจากการชี้นำของพวกเขา

Flickr Images



บทเรียนสั้นๆเหล่านี้กล่าวถึงเรื่อง “อุลูมุ้ลกุรอาน” ที่เราต้องการนำเสนอแก่กุลบุตรกุลธิดาของเรา ก่อนที่พวกเขาจะศึกษาวิชา “ตัฟซีร” เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลที่นักวิชาการทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ได้นำเสนอไว้ เพื่อรับใช้อัลกุรอาน