2.ความซื่อสัตย์

12:50:00


เล่าจากอะบีบักเราะห์ (ร.ด.) ว่า ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้กล่าว่า  ฉันจะบอกพวกท่านถึงบาปใหญ่ไหม พวกเขาตอบว่า ได้โปรดบอกเถิด โอ้ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์  ท่านกล่าวว่าคือ   การตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์  การเนรคุณต่อบิดามารดา  ขณะนั้นท่านกำลังนอนเอกเขนกต่อมาท่านได้ลุกขึ้นนั่งแล้วกล่าวว่าพึงทราบด้วยเถิด การพูดเท็จ  และการเป็นพยานเท็จ  ท่านได้กล่าวซ้ำหลายครั้ง จนพวกเรากล่าวว่า  ท่านควรหยุดได้แล้ว ”  รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม.




2-    ความซื่อสัตย์


عَنْ عَبْدِ اللهِ بْنِ عَمْرٍو بْنِ الْعَاصِ رضي الله عنهما أَنَّ النَّبِيَّ صلى الله عليه وسلم قال : " أَرْبَعٌ مَنْ كُنَّ فِيْهِ كَانَ مُنَافِقًا خَالِصًا وَمَنْ كَانَتْ فِيْهِ خَصْلَةٌ مِنْهُنَّ كَانَتْ فِيْهِ خَصْلَةٌ مِنَ النِّفَاقِ حَتَّى يَدَعَهَا : إِذَا اؤْتُمِنَ خَانَ ، وَإِذَا حَدَّثَ كَذَبَ ، وَإِذَا عَاهَدَ غَدَرَ ، وَإِذَا خَاصَمَ فَجَرَ " متفق عليه                        

หนึ่ง : เล่าจากอับดิ้ลลาห์ บุตร อัมร์ บุตร อัลอาส (ร.ด.) ว่าท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า  สี่ประการนี้มีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นเป็นคนกลับกลอกอย่างแท้จริง  ผู้ใดมีประการหนึ่งจากสี่ประการนี้ เขาก็มีประการหนึ่งจากความกลับกลอก  จนกว่าเขาจะทิ้งมันไป นั่นคือ เมื่อเขาได้รับความไว้วางใจเขาก็ทุจริต  เมื่อเขาพูดเขาก็โกหก  เมื่อเขาให้สัญญาเขาก็ผิดสัญญา  และเมื่อขัดแย้งกันเขาก็หนีความจริง”  รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม.

ความหมายโดยสรุป

ท่านนบี (ซ.ล.) ได้อธิบายให้พวกเราทราบในหะดีษนี้ถึงลักษณะต่างๆ ของคนที่กลับกลอกด้วยการแสดงออกภายนอกว่ามีศรัทธาแต่ภายในนั้นเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา  ซึ่งเมื่อลักษณะเหล่านี้รวมอยู่ในบุคคลคนเดียวกันแล้ว เขาจะเป็นคนกลับกลอกที่แท้จริง แต่ถ้าหากเขามีลักษณะหนึ่งจากลักษณะเหล่านั้น เขาเป็นผู้มีลักษณะหนึ่งจากบรรดาลักษณะของคนที่กลับกลอก จนกว่าเขาจะละทิ้งมันไป ลักษณะเหล่านั้นได้แก่การทุจริต  เมื่อได้รับความไว้วางใจ การโกหก การละเมิดสัญญา  และละเมิดขอบเขตเมื่อมีการขัดแย้งเกิดขึ้นและไม่ยอมรับความจริงโดยเจตนา.

คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้

1-ตำหนิการกลับกลอก และผู้ที่กลับกลอก จำเป็นต้องออกห่างไกลจากลักษณะและสิ่งที่ทำให้เป็นคนกลับกลอก

2- ส่งเสริมให้มีความซื่อสัตย์ มีสัจจะในคำพูด รักษาสัญญาและคำมั่น และให้ยอมรับความจริงเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น.

3- ผู้ใดที่มีลักษณะหนึ่งจากลักษณะเหล่านั้น เขาเป็นผู้มีลักษณะหนึ่งจากบรรดาลักษณะของคนที่กลับกลอก  ถ้าหากเขามีครบทุกประการ เขาเป็นคนกลับกลอกอย่างแท้จริง.

4- การกลับกลอกที่แท้จริงเกิดจากสี่ประการคือ การทุจริต การโกหก การผิดคำมั่นสัญญา และการไม่ยอมรับความจริง.




عَنْ بُرَيْدَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ عَنِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم قَالَ : " مَنِ اسْتَعْمَلْنَاهُ عَلَى عَمَلٍ فَرَزَقْنَاهُ رِزْقًا فَمَا أَخَذَ بَعْدَ ذَلِكَ فَهُوَ غُلُوْلٌ " رواه أبوداود والحاكم

สอง :  เล่าจากบุรอยดะห์ (ร.ด.) ว่าท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า  ผู้ใดที่เราได้แต่งตั้งเขาให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างหนึ่ง และเราได้กำหนดปัจจัยยังชีพ(ค่าตอบแทน) ให้แก่เขา ดังนั้นสิ่งใดที่เขาเอาเป็นกรรมสิทธิ์ นอกเหนือจากนั้นถือว่าเป็นการทุจริต”  รายงานโดยอะบูดาวูดและฮากิม

ความหมายโดยสรุป

            ท่านนบี (ซ.ล.) ได้อธิบายให้พวกเราทราบถึงระบบการทำงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้นำพร้อมกำหนดค่าตอบแทนการทำงานนั้น  เช่นข้าราชการ และพนักงานต่างๆ ว่าจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ จะเรียกร้องหรือเอาสิ่งใดนอกเหนือจากค่าตอบแทนนั้นมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองอีกไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการทุจริต.

คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้

1- ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหน้าที่ที่จำเป็น
2- เจ้าหน้าที่ที่ได้ทรัพย์มาโดยไม่ชอบธรรมถือว่าเป็นการทุจริต
3- เจ้าหน้าที่ที่รับเงินค่าตอบแทนต้องมีความเคร่งครัดในการทำหน้ที่ของตน
4- ห้ามเจ้าหน้าที่เรียกร้องและรับค่าตอบแทนใดๆ เกินกว่าที่ทางการกำหนดให้.




عَنْ أَبِيْ هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ عَنِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم قَالَ : " أَدِّ اْلأَمَانَةَ إِلَى مَنِ ائْتَمَنَكَ وَلاَ تَخُنْ مَنْ خَانَكَ "  رواه البيهقي 



สาม : เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์ (ร.ด.) จากท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า  จงปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์แก่ผู้ที่มอบความไว้วางใจแก่ท่าน และอย่าทุจริต ต่อผู้ที่ทุจริตท่าน”  รายงานโดยบัยฮะกี.

ความหมายโดยสรุป

            ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.)ได้กำชับให้มีความซื่อสัตย์สุจริตในการทำงาน และในการดำเนินชีวิตร่วมกับผู้คนทั้งหลาย และห้ามตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้ห้ามทุจริตแม้กับผู้ที่ทุจริต เพราะจะเป็นการทำลายระบบความยุติธรรม และทำให้การละเมิดแพร่หลาย.

คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้

1- ความซื่อสัตย์เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน
2- เมื่อได้รับความไว้วางใจในเรื่องใด ต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์อย่างเต็มความสามารถ
3- ห้ามทุจริตแม้กับผู้ที่ทุจริต





عَنِ النَّوَّاسِ بْنِ سَمْعَانَ رَضِيَ اللهُ عنْهُ عَنِ النَّبِيِّ صلى اللهُ عليه وسلم قَالَ : " اَلْبِرُّ حُسْنُ الْخُلُقِ وَاْلإِثْمُ مَاحَاكَ فِيْ نَفْسِكَ وَكَرِهْتَ أَنْ يَطَّلِعَ عَلَيْهِ النَّاسُ "  رواه مسلم.

สี่ : เล่าจากเนาวาส บุตร ซัมอาน (ร.ด.) จากท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า  ความดี คือความมีมารยาทที่งดงาม  และบาปคือสิ่งที่รบกวนอยู่ในจิตใจของท่าน  และท่านรังเกียจให้ผู้คนรับรู้”  รายงานโดยมุสลิม.

ความหมายโดยสรุป

            ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กำหนดมาตรฐานของความดีและความชั่วไว้ เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ท่านได้กำหนดไว้ว่า ความดี คือความมีมารยาทที่งดงาม  ทำแล้วเกิดความสบายใจไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีผู้ใดพบเห็น  เช่นความซื่อสัตย์เป็นต้น  ส่วนความชั่วคือสิ่งที่รบกวนอยู่ในจิตใจของท่าน  ทำแล้วไม่สบายใจ และไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้เห็น เช่นการทุจริตฉ้อโกงเป็นต้น.

คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้
1- ส่งเสริมให้มีมารยาทที่งดงาม
2- ความจริงและความเท็จจะไม่เป็นเรื่องที่สับสนสำหรับผู้มีศรัทธา
3- มารยาทที่งดงาม คือความดีอันยิ่งใหญ่
4- ความดีเมื่อทำแล้วเกิดความสบายใจ
5- ความชั่วเมื่อทำแล้วเกิดความหวาดระแวง.





عَنْ أَبِيْ بَكْرَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ : قَالَ رسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه وسلم " أَلاَ أُنَبِّئُكُمْ بِأَكْبَرِ الْكَبَائِرِ ؟ قُلْنَا : بَلَى يَارسولَ اللهِ قَالَ : اَلإِشْرَاكُ بِاللهِ وَعُقُوْقُ الْوَالِدَيْنِ  وَكَانَ مُتِّكِئًا فَجَلَسَ فَقَالَ : أَلاَ وَقَوْلُ الزُّوْرِ  ، وَشَهَادَةُ الزُّوْرِ ، فَمَازَالَ يُكَرِّرُهَا حَتَّى قُلْنَا لَيْتَهُ سَكَتَ " متفق عليه        

ห้า : เล่าจากอะบีบักเราะห์ (ร.ด.) ว่า ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้กล่าว่า  ฉันจะบอกพวกท่านถึงบาปใหญ่ไหม ? พวกเขาตอบว่า ได้โปรดบอกเถิด โอ้ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์  ท่านกล่าวว่าคือ   การตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์  การเนรคุณต่อบิดามารดา  ขณะนั้นท่านกำลังนอนเอกเขนกต่อมาท่านได้ลุกขึ้นนั่งแล้วกล่าวว่าพึงทราบด้วยเถิด การพูดเท็จ  และการเป็นพยานเท็จ  ท่านได้กล่าวซ้ำหลายครั้ง  จนพวกเรากล่าวว่า  ท่านควรหยุดได้แล้ว ”  รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม.

ความหมายโดยสรุป

บาปใหญ่มีมากมายหลายอย่าง  แต่ที่ร้ายแรงที่สุดได้แก่ การตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์ ทั้งในการกระทำของพระองค์ หรือในการอิบาดะห์ต่อพระองค์ หรือในพระนามของพระองค์ หรือในคุณลักษณะของพระองค์การเนรคุณต่อบิดามารดาการกล่าวคำเท็จ และการหันเหออกจากความจริงในการเป็นพยานโดยเจตนา  ท่านนบี (ซ.ล.) ได้ให้ความสำคัญด้วยการบอกกับบรรดาซอฮาบะห์ของท่านถึงเรื่องการเป็นพยานเท็จ เพราะการกล่าวเท็จ และการเป็นพยานเท็จเป็นสิ่งที่พูดได้ง่าย  และผู้คนเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย  ขณะเดียวกับมีสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการเป็นพยานเท็จอยู่มากเช่นความอิจฉา  ความเป็นศัตรู และความอาฆาตแค้นเป็นต้น   ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวย้ำคำนี้หลายครั้ง จนซอฮาบะห์กล่าวว่า ท่านสมควรจะหยุดได้แล้ว เพราะความสงสารท่านและเพราะไม่อยากเห็นว่ามีสิ่งใดมารบกวนท่าน  ดังนั้นผู้ที่อัลเลาะห์ให้เกียรติให้ได้เข้ารับอิสลามจะต้องมีความระมัดระวังตนเองไม่ให้ตกลงไปอยู่ในบาปใหญ่ และนำตนสู่ความกริ้วโกรธของอัลเลาะห์.
           
คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้
1- ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ให้คำแนะนำและสั่งสอนบรรดาซอฮาบะห์ของท่าน.
2- ห้ามตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์ และห้ามเนรคุณต่อบิดามารดา.
3- ห้ามพูดเท็จ และเป็นพยานเท็จ.
4- บรรดาซอฮาบะห์สงสารรอซูลุ้ลเลาะห์ และไม่ประสงค์จะเห็นว่ามีสิ่งใดรบกวนท่าน



You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Popular Posts

featured Slider

Popular Posts

Like us on Facebook

ต่อไปนี้คือแบบฉบับของมวลมนุษยชาติ ที่เรามีความภูมิใจไว้นำเสนอ เพื่อให้เยาชนมุสลิมของเราได้ศึกษาและยึดถือเป็นแบบอย่าง และดำเนินชีวิตในท่ามกลางแสงสว่างจากการชี้นำของพวกเขา

Flickr Images



บทเรียนสั้นๆเหล่านี้กล่าวถึงเรื่อง “อุลูมุ้ลกุรอาน” ที่เราต้องการนำเสนอแก่กุลบุตรกุลธิดาของเรา ก่อนที่พวกเขาจะศึกษาวิชา “ตัฟซีร” เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลที่นักวิชาการทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ได้นำเสนอไว้ เพื่อรับใช้อัลกุรอาน