8.การเสียสละ
13:03:00
เล่าจากอะบีมูซา (ร.ด.) จากท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า “ มุสลิมทุกคนควรต้องบริจาคทาน ” อะบูมูซาถามว่าได้โปรดบอกเถิด ถ้าหากเขาไม่มีอะไรจะบริจาคทาน? ท่านกล่าวว่า “ให้เขาใช้มือทั้งสองของเขาทำงานให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และบริจาคทาน” เขาถามว่า โปรดบอกเถิดถ้าหากเขาไม่มีความสามารถทำเช่นนั้น? ท่านกล่าวว่า “ให้เขาช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่ง” เขาถามว่า โปรดบอกเถิดถ้าหากเขาไม่มีความสามารถทำเช่นนั้น? ท่านกล่าวว่า “ ให้เขาใช้ให้ทำการดีหรือความดี ” เขาถามว่า ถ้าหากเขาทำไม่ได้? ท่านกล่าวว่า ให้เขาระงับการทำความชั่ว เพราะการทำเช่นนั้นเท่ากับเป็นการบริจาคทาน” รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม. 

8- การเสียสละ
اَلْيَدُ الْعُلْيَا خَيْرٌ مِنَ الْيَدِ السُّفْلَى وَابْدَأْ بِمَنْ تَعُوْلُ وَخَيْرُ الصَّدَقَةِ مَاكَانَ عَنْ ظَهْرِ الْغِنَى
وَمَنْ يَسْتَعْفِفْ يُعِفُّهُ اللهُ وَمَنْ يَسْتَغْنِ يُغْنِهِ اللهُ ) رواه البخاري ومسلم
หนึ่ง : เล่าจากฮะกีม บุตร ฮิชาม (ร.ด.) ว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า : “ มือบนดีกว่ามือล่าง ท่านจงเริ่มต้นกับคนที่ท่านปกครองก่อน, การทำทานที่ดีคือการทำทานที่ยังทิ้งความร่ำรวยไว้ข้างหลัง, ผู้ใดไม่แบมือขอ อัลเลาะห์จะคุ้มครองเขา, ผู้ใดขอให้พอเพียง อัลเลาะห์จะให้เขาพอเพียง ” รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
ความหมายโดยสรุป
ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้แนะนำให้พวกเราทราบว่าการเป็นผู้ให้นั้นดีกว่าการเป็นผู้รับ ในการบริจาคนั้นให้ดูแลคนในครอบครัวของตนเองก่อน และการเสียสละที่ดีนั้นคือการเสียสละที่ไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนในภายหลัง.
คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้
1- การเสียสละเป็นสิ่งที่ประเสริฐ
2- การให้ดีกว่าการรับ
3- ให้ดูแลคนใกล้ชิดในครอบครัวก่อนดูแลผู้อื่น
4- และการเสียสละที่ดีคือไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนในภายหลัง.
عَنْ أَبِيْ مُوْسَى رَضِيَ اللهُ عنهُ
قَالَ قَالَ رسولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم : " مَا مِنْ مُسْلِمٍ يَغْرِسُ
غَرْسًا إِلاَّ كَانَ مَا أُكِلَ مِنْهُ لَهُ صَدَقَةً وَمَا سُرِقَ مِنْهُ لَهُ
صَدَقَةً وَلاَ يَرْزَؤُهُ أَحَدٌ إِلاَّ كَانَ لَهُ صَدَقَةً" رواه مسلم
وَفِي رِوَايَةٍ لَهُ : " لاَ يَغْرِسُ
الْمُسْلِمُ غَرْسًا فَيَأْكُلَ مِنْهُ إِنْسَانٌ وَلاَ دَابَّةٌ وَلاَ طَيْرٌ
إِلاَّ كَانَ لَهُ صَدَقَةً إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ "
สอง : เล่าจากอะบีมูซาว่า ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า “ไม่มีมุสลิมคนใดที่ปลูกต้นไม้แล้วมันถูกกินไปนอกจากเขาจะได้รับผลบุญของการทำทาน และที่ถูกลักขโมยไป เขาก็จะก็ได้รับผลบุญของการทำทาน และไม่มีใครที่เอามันไป นอกจากเขาจะได้รับผลบุญของการทำทาน” รายงานโดยมุสลิม
และในรายงานของมุสลิมว่า “ ไม่มีมุสลิมคนใดที่ปลูกไม้ยืนต้น แล้วมีคน และสัตว์ และนกมากินมันนอกจากเขาจะได้รับผลบุญของ การทำทานจนถึงวันกิยามะห์ ”
ความหมายโดยสรุป
ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้แนะนำให้พวกเราได้ทราบถึงธรรมชาติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราว่าสิ่งที่เราได้กระทำลงไปนั้นอาจพบกับความเสียหายได้ เช่นเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชไร่ หรือเรือกสวนเอาไว้ อาจมีสัตว์มาเกาะกิน หรือผู้คนที่มีความต้องการหยิบฉวยเอาไป หรือถูกภัยธรรมชาติเสียหาย และเขามีความอดทน ท่านได้กล่าวว่าเขาจะได้รับผลบุญของการทำทานจนถึงวันกิยามะห์ ในส่วนที่สูญเสียไปนั้น.
คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้
1- ส่วนที่สูญเสียไปจากการเกษตรไม่ว่าจะโดนสัตว์กิน หรือถูกลักขโมยไป ถือเป็นการทำทาน
2- การปลูกต้นไม้ถือว่าเป็นการทำทาน (ซอดาเกาะห์)
3- การดูแลทรัพย์สินเป็นหน้าที่ของผู้เป็นเจ้าของ
عَنْ أَبِيْ ذَرٍّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ
أَنَّ رسولَ اللهِ صلى اللهُ عليه وسلم قَالَ : بَيْنَمَا رَجُلٌ يَمْشِيْ
بِطَرِيْقٍ اِشْتَدَّ عَلَيْهِ الْعَطَشُ فَوَجَدَ بِئْرًا فَنَزَلَ فِيْهَا
فَشَرِبَ ثُمَّ خَرَجَ فَإِذَاكَلْبٌ يَلْهَثُ يَأْكُلُ الثَّرَى مِنَ الْعَطَشِ
، فَقَالَ الرَّجُلُ : لَقَدْ بَلَغَ هَذَا الْكَلْبُ مِنَ الْعَطَشِ مِثْلَ
الَّذِيْ كَانَ قَدْ بَلَغَ مِنِّيْ ، فَنَزَلَ الْبِئْرَ فَمَلأَ خُفَّهُ مَاءً ثُمَّ
أَمْسَكَهُ بِفِيْهِ ، حَتَّى رَقِيَ فَسَقَى الْكَلْبَ ، فَشَكَرَ اللهُ لَهُ
فَغَفَرَ لَهُ قَالُوْا : يَارسولَ اللهِ إِنَّ لَنَا فِي الْبَهَائِمِ أَجْرًا ؟
فَقَالَ : " فِي كُلِّ كَبِدٍ رَطْبَةٍ أَجْرٌ " متفق عليه
وَفِيْ رِوَايَةٍ ِللبُخَارِيِّ : فَشَكَرَ
اللهُ لَهُ فَغَفَرَ لَهُ فَأَدْخَلَهُ الْجَنَّةَ .
สาม : เล่าจากอะบี ซัรร์ ว่า : ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล) ได้กล่าวว่า : “ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางอยู่ ความกระหายได้เกิดขึ้นกับเขาอย่างรุนแรง เขาพบบ่อน้ำหนึ่ง เขาลงไปในบ่อ ดื่มน้ำ แล้วขึ้นจากบ่อพบสุนัขตัวหนึ่งกำลังเลีย กินดินเปียก เนื่องจากความกระหาย ชายคนนั้นรำพึงว่า : สุนัขตัวนี้คงกระหายน้ำถึงขั้นที่ฉันกระหาย เขาจึงลงไปในบ่อ และเติมน้ำจนเต็มรองเท้าของเขา แล้วใช้ปากคาบมัน จนขึ้นจากบ่อและเอาน้ำให้สุนัขได้ดื่ม อัลเลาะห์ขอบคุณเขา และอภัยโทษให้เขา “พวกเขา(ซอฮาบะห์) กล่าวว่า : โอ้ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ พวกเราจะได้ผลบุญในการทำความดีกับสัตว์ด้วยหรือ ? ท่านตอบว่า : ในทุกสิ่งที่มีชีวิต ย่อมได้รับผลบุญ “รายงานโดยบุคอรี และมุสลิม
และในรายงานของบุคอรีว่า : “อัลเลาะห์ขอบคุณเขา อภัยโทษให้เขาและให้เขาเข้าสวรรค์”
ความหมายโดยสรุป
ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้บอกพวกเราให้ได้ทราบถึงความประเสริฐของความเมตตาที่มนุษย์จะต้องหยิบยื่นให้แก่กัน และแม้แต่การให้ความเมตตาแก่สัตว์ ท่านได้เล่าให้พวกเราทราบประวัติของชายคนหนึ่งที่เขาเดินทางไกลเกิดความกระหายน้ำอย่างรุนแรง มื่อเขาพบบ่อน้ำ เขาได้ลงไปดื่มน้ำในบ่อ เมื่อกลับขึ้นมาพบสุนัขตัวหนึ่งกำลังเลียดินเปียกเพราะความกระหาย ชายคนนั้นรู้สึกสงสารเพราะนึกถึงสภาพของตนเองที่กระหาย เขาจึงกลับลงไปในบ่อ และเติมน้ำจนเต็มรองเท้าของเขา แล้วใช้ปากคาบมันขึ้นจากบ่อและเอาน้ำให้สุนัขได้ดื่ม
การกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจของเขานี้ อัลเลาะห์ทรงขอบคุณเขา และยกโทษให้เขา บรรดาซอฮาบะห์ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ได้ถามขึ้นว่า : การที่พวกเราทำความดีกับสัตว์จะได้รับผลบุญด้วยหรือ ท่านตอบว่าการทำความดีกับสิ่งที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ย่อมได้รับผลบุญ.
คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้
1-ส่งเสริมให้ทำความดีและมีเมตตา
2- การทำความดีต่อสัตว์ได้รับผลบุญเช่นเดียวกับที่ทำต่อเพื่อนมนุษย์
3- การเสียสละด้วยความบริสุทธิ์ใจย่อมได้รับผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่
4- ห้ามดูถูกการทำความดีแม้จะเห็นว่าเล็กน้อย
عَنْ أَبِيْ ذَرٍّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ عَنِ
النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم قَالَ: لَقَدْ رَأَيْتُ رَجُلاً يَتَقَلَّبُ فِي
الْجَنَّةِ فِيْ شَجَرَةٍ قَطَعَهَا مِنْ ظَهْرِ الطَّرِيْق كَانَتْ تُؤْذِي
الْمُسْلِمِيْنَ " رواه مسلم
وَفِي رِوَايَةٍ لَهُمَا :" بَيْنَمَا
رَجُلٌ يَمْشِي بِطَرِيْقٍ وَجَدَ غُصْنَ شَوْكٍ عَلَى الطَّرِيْقِ فَأَخَّرَهُ
فَشَكَرَ اللهُ لَهُ فَغَفَرَ لَهُ "
สี่ : เล่าจากอะบีซัรร์
(ร.ด.) ว่าท่านนบี(ซ.ล.) ได้กล่าวว่า” ความจริงฉันเห็นคนคนหนึ่งเดินตระเวนหาความสุขอยู่ในสวนสวรรค์ อันเนื่องมาจากต้นไม้ที่เขาตัดมันออกเพราะกีดขวางทางสัญจร เป็นอันตรายกับมุสลิม” รายงานโดยมุสลิม.
และในรายงานหนึ่งของบุคอรีและมุสลิมว่า “ ขณะที่คนหนึ่งเดินอยู่ตามทางสัญจร เขาพบกิ่งหนามกีดขวางอยู่บนเส้นทางนั้น เขาจึงนำมันออกไป อัลเลาะห์ขอบคุณเขาและอภัยโทษเขา
ความหมายโดยสรุป
ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์
(ซ.ล.) ได้บอกให้เราทราบถึงการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ว่าจะเป็นเหตุให้ได้เข้าสวรรค์แม้จะเป็นวิธีการที่เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามเช่นการขจัดสิ่งกีดขวางที่จะเป็นอันตรายให้พ้นไปจากเส้นทางสัญจรของผู้คน.
คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้
1- สงเสริมให้บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์
2- ส่งเสริมให้รู้จักการเสียสละ
3- ความประเสริฐของการพำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนรวม
4- การขจัดสิ่งกีดขวางการสัญจรเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่
عَنْ أَبِيْ مُوْسَى رَضِيَ اللهُ عَنْهُ
عَنِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم قَالَ : " عَلَى كُلِّ مُسْلِمٍ صّدَقَةٌ
قَال : أَرَأَيْتَ ‘ِنْ لَمْ يَجِدْ ؟ قَالَ : يَعْمَلْ بِيَدَيْهِ فَيَنْفَعُ
نَفْسَهُ وَيَتَصَدَّقُ ، قَالَ : أَرَأَيْتَ إِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ ؟ قَالَ
:يُعِيْنُ ذَا الْحَاجَةِ الْمَلْهُوْفَ ، قَالَ : أَرَأَيْتَ إِنْ لَمْ
يَسْتَطِعْ ؟ قَال : يَأْمُرُ بِالْمَعْرُوْفِ أَوِ الْخَيْرِ قَالَ :
أَرَأَيْتَ إِنْ لَمْ يَفْعَلْ ؟ قَالَ : يُمْسِكُ عَنِ الشّرِّ فَإِنَّهَا
صَدَقَةٌ " رواه البخاري ومسلم
ห้า : เล่าจากอะบีมูซา
(ร.ด.) จากท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า “ มุสลิมทุกคนควรต้องบริจาคทาน ” อะบูมูซาถามว่าได้โปรดบอกเถิด ถ้าหากเขาไม่มีอะไรจะบริจาคทาน? ท่านกล่าวว่า “ให้เขาใช้มือทั้งสองของเขาทำงานให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และบริจาคทาน” เขาถามว่า โปรดบอกเถิดถ้าหากเขาไม่มีความสามารถทำเช่นนั้น? ท่านกล่าวว่า “ให้เขาช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่ง” เขาถามว่า โปรดบอกเถิดถ้าหากเขาไม่มีความสามารถทำเช่นนั้น? ท่านกล่าวว่า “ ให้เขาใช้ให้ทำการดีหรือความดี ” เขาถามว่า ถ้าหากเขาทำไม่ได้? ท่านกล่าวว่า ให้เขาระงับการทำความชั่ว เพราะการทำเช่นนั้นเท่ากับเป็นการบริจาคทาน” รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม.
ความหมายโดยสรุป
ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้แนะนำประชาชาติของท่านให้บริจาค เป็นการเผื่อแผ่และแบ่งปันแก่ผู้อื่นเป็นประจำตามกำลังความสามารถที่ตนมี อาจเป็นทรัพย์สินหรือกำลังกายก็ตาม โดยท่านได้กล่าวว่ามุสลิมทุกคนควรต้องบริจาคทาน ถ้าหากเขาไม่มีอะไรจะบริจาคทาน ให้เขาทำงานให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และบริจาคทาน ถ้าหากเขาไม่มีความสามารถทำเช่นนั้น ก็ให้เขาช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่ง และถ้าหากเขาไม่มีความสามารถทำเช่นนั้นได้ ท่านกล่าวว่า ให้เขาใช้ผู้อื่นให้ทำการดีหรือความดี และถึงขั้นสุดท้ายที่ถ้าหากเขาทำเช่นนั้นไม่ได้อีก ก็ให้เขาระงับการทำความชั่ว เพราะการปฏิบัติตนเป็นคนดีก็เท่ากับเป็นการบริจาคทานเช่นกัน
คำสอนที่ได้รับจากหะดีษนี้
1- มุสลิมทุกคนต้องทำตนเป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์
2- ส่งเสริมให้ทำความดีตามความสามารถในทุกโอกาส
3- การงดเว้นจากความชั่วถือว่าเป็นความดี
4- ส่งเสริมให้มุสลิมทุกคนเป็นผู้เสียสละ
0 ความคิดเห็น