การให้อภัย คืออาวุธของคนที่เข้มแข็ง

13:10:00

การให้อภัย คืออาวุธของคนที่เข้มแข็ง

โดยอรุณ  บุญชม

อัลเลาะห์ ทรงเชิญชวนบ่าวของพระองค์สู่การให้อภัย พระองค์ตรัสว่า
{خُذِ الْعَفْوَ وَأْمُرْ بِالْعُرْفِ وَأَعْرِضْ عَنِ الْجَاهِلِينَ} [الأعراف:199].

  (โอ้ มูฮำหมัด)  เจ้าจงยึดถือไว้ซึ่งการให้อภัย  และจงใช้ให้กระทำสิ่งที่ดีงาม  และจงผินหลังให้แก่ผู้โฉลดเขลาทั้งหลายเถิด ( อัลอะอ์รอฟ 199)     และพระองค์ตรัสว่า 

{وَالْكَاظِمِينَ الْغَيْظَ وَالْعَافِينَ عَنِ النَّاسِ وَاللَّهُ يُحِبُّ الْمُحْسِنِينَ} [آل عمران:134] 
(บรรดาผู้ยำเกรง) คือบรรดาผู้ข่มโทสะ และบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ และอัลเลาะห์นั้นทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย ”  (อาลิอิมรอน 134) 

ความเมตตาที่มีอยู่ในหัวใจของบ่าว จะทำให้บ่าวให้อภัยแก่ผู้ที่ทำความผิดต่อตนหรือละเมิดตน  เขาจะไม่ลงโทษทั้งที่มีความสามารถจะลงโทษได้  และเมื่อบ่าวได้กระทำเช่นนั้น  เขาย่อมมีสิทธิ์ได้รับการอภัยโทษจากอัลเลาะห์  พระองค์ทรงตรัสว่า

{وَلا يَأْتَلِ أُولُو الْفَضْلِ مِنْكُمْ وَالسَّعَةِ أَنْ يُؤْتُوا أُولِي الْقُرْبَى وَالْمَسَاكِينَ وَالْمُهَاجِرِينَ فِي سَبِيلِ اللَّهِ وَلْيَعْفُوا وَلْيَصْفَحُوا أَلا تُحِبُّونَ أَنْ يَغْفِرَ اللَّهُ لَكُمْ وَاللَّهُ غَفُورٌ رَحِيمٌ}   [النور:22].
       ผู้มีเกียรติและผู้มั่งคั่งในหมู่พวกเจ้าอย่าได้สาบานที่จะไม่ให้  (ความช่วยเหลือ)  แก่ญาติมิตร  และคนจน  และผู้อพยพในหนทางของอัลเลาะห์  และพวกเขาจงอภัย  และยกโทษ  (ให้แก่พวกเขาเถิด)  พวกเจ้าไม่ชอบหรือที่อัลเลาะห์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้า  และอัลเลาะห์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ (อันนูร 22)

            โองการนี้ประทานลงมาขณะที่ท่านอะบูบักร์ สาบานว่าจะไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูแก่   มิสเตาะห์  ซึ่งเป็นญาติของเขา เพราะเขามีส่วนร่วมในการแพร่ข่าวลือ  กล่าวหาพระนางอาอิชะห์ว่ากระทำความผิดร้ายแรง  การสาบานของเขาเพื่อเป็นการลงโทษมิสเตาะห์  อัลเลาะห์ได้สั่งสอนให้ให้อภัย  โดยตรัสว่า  พวกเขาจงอภัย  และยกโทษ  ” 

            อัลเลาะห์ได้ตรัสไว้ท้ายอายะห์ว่า  ผู้ใดให้อภัยแก่คนที่ทำผิดต่อเขา  อัลเลาห์ก็จะให้อภัยเขา  พวกเจ้าไม่ชอบหรือที่อัลเลาะห์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้า” 

            มีรายงานจากท่านอะบูบักร์ (.) ได้กล่าวว่า พวกเราได้รับรายงานว่า  อัลเลาะห์ ตาอาลา  ทรงใช้ผู้ประกาศในวันกิยามะห์  ให้ประกาศว่า   ผู้ใดมีอะไรติดค้างอยู่ที่      อัลเลาะห์ บ้างให้เขาจงลุกขึ้นยืน เมื่อได้ยินดังนั้นพวกที่ให้อภัยผู้อื่นก็จะลุกขึ้นยืน  อัลเลาะห์ก็จะตอบแทนพวกเขา  เท่ากับที่เขาได้ให้อภัยแก่เพื่อนมนษย์ 

การเชิญชวนสู่จริยธรรม

            อิสลามปรารถนาให้มุสลิมทุกคนเป็นผู้เชิญชวนสู่อิสลามด้วยคุณธรรม  และจริยธรรมอันสูงส่ง  ด้วยเหตุผลดังกล่าว  อิสลามจึงแนะนำพวกเขาให้  ให้อภัยแม้กับคนต่างศาสนิก  ที่กระทำความผิดต่อเขา  ในระดับบุคคล

{قُلْ لِلَّذِينَ آمَنُوا يَغْفِرُوا لِلَّذِينَ لا يَرْجُونَ أَيَّامَ اللَّهِ لِيَجْزِيَ قَوْماً بِمَا كَانُوا يَكْسِبُونَ} [الجاثـية:14]
  “ จงกล่าวเถิด (โอ้มูฮำหมัด)  แก่บรรดาผู้ศรัทธา  ให้พวกเขาให้อภัยแก่บรรดาผู้ที่ไม่หวังในผลบุญของอัลเลาะห์ และไม่กลัวการลงโทษของพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงตอบแทนแก่หมู่ชนตามตามที่พวกเขาได้ทำความผิดเอาไว้”  (อัลญาซิยะห์ 14)

            การที่มุสลิมปฏิบัติต่อผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมด้วยจริยธรรมอันสูงส่งเช่นนี้  เป็นเหตุทำให้มีผู้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก  และเป็นการยึดถือแบบอย่างของท่านศาสดา (.) อีกด้วย   ท่านอับดุลเลาะห์  บุตรมัสอูด  (.)  กล่าวว่า  : ฉันมองดูท่าน นบีมูฮำหมัด (.)  ขณะท่านกำลังเล่าถึงนบีท่านหนึ่งที่ถูกพวกพ้องของเขาทำร้ายจนเลือดออก  เขาใช้มือลูบเลือดที่เปื้อนใบหน้า  พลางก็กล่าวว่า :
 (رب اغفر لقومي فإنهم لا يعلمون)  ข้าแด่องค์อภิบาลได้โปรดให้อภัยแก่พวกพ้องของฉันด้วยเถิด  เพราะความจริงพวกเขาไม่รู้

            อิสลามอบรมมุสลิมให้ยึดถือความหมายอันยิ่งใหญ่และสูงส่งนี้จนถึงกับทำให้ท่านอุมัร อิบนุ คอตตอบ  กล่าวว่า   ประชาชาติของฉันทุกคนได้รับการอภัยจากฉัน

            ในความหมายเดียวกันนี้  เราจะรู้สึกได้ในคำพูดของอิบนุมัสอูด (.)  ขณะที่เขานั่งอยู่ในตลาดเพื่อซื้ออาหาร  เมื่อเขาต้องการจะจ่ายเงินค่าอาหาร  เขาพบว่ามันได้ถูกขโมยไปเสียแล้ว  ประชาชนเมื่อทราบเช่นนั้นก็ประกาศหาตัวคนที่ขโมยเงินของเขาไป  อับดุลเลาะห์บุตร มัสอูด  ได้ยกมือวิงวอนว่า  :

"اللهم إن كان حمله على أخذها حاجة فبارك له فيها، وإن كان حملته جراءة على الذنب
 فاجعله آخر ذنوبه".
   ข้าแด่อัลเลาะห์  ถ้าหากความจำเป็น  เป็นแรงผลักดันให้เขาต้องเอาเงินไป  ขอพระองค์ได้โปรดเพิ่มพูนมันแก่เขา  แต่ถ้าหากเขาเอามันไปโดยไม่เกรงกลัวบาป  ขอพระองค์ได้โปรดให้มันเป็นบาปสุดท้ายของเขาด้วยเทอญ


การให้อภัยนั้นดีที่สุด

            ในเมื่ออิสลามได้ยืนยันสิทธิของผู้ถูกละเมิด  ด้วยการลงโทษผู้ที่ละเมิดอย่างสาสมกัน  ตรงตามนัยของความยุติธรรม  ดังนั้นการให้อภัยและการไม่ถือโทษที่ไม่ใช่เป็นการยั่วยุให้เกิดการละเมิด  จึงเป็นสิ่งที่มีเกียรติ  และเป็นความเมตตาอย่างยิ่ง  อัลเลาะห์ ตาอาลา ตรัสว่า :

{وَالَّذِينَ إِذَا أَصَابَهُمُ الْبَغْيُ هُمْ يَنْتَصِرُونَ * وَجَزَاءُ سَيِّئَةٍ سَيِّئَةٌ مِثْلُهَا فَمَنْ عَفَا وَأَصْلَحَ فَأَجْرُهُ عَلَى اللَّهِ إِنَّهُ لا يُحِبُّ الظَّالِمِينَ * وَلَمَنِ انْتَصَرَ بَعْدَ ظُلْمِهِ فَأُولَئِكَ مَا عَلَيْهِمْ مِنْ سَبِيلٍ * إِنَّمَا السَّبِيلُ عَلَى الَّذِينَ يَظْلِمُونَ النَّاسَ وَيَبْغُونَ فِي الْأَرْضِ بِغَيْرِ الْحَقِّ أُولَئِكَ لَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ * وَلَمَنْ صَبَرَ وَغَفَرَ إِنَّ ذَلِكَ لَمِنْ عَزْمِ الْأُمُورِ}   [الشورى : 39 - 43].

    “ และบรรดาผู้ที่เมื่อมีความอธรรมเกิดขึ้นแก่พวกเขา  พวกเขาก็แก้แค้นตอบแทน และการตอบแทนความชั่วคือความชั่วที่เสมอกัน  ดังนั้นผู้ใดให้อภัยและไกล่เกลี่ยให้คืนดีกัน รางวัลตอบแทนพวกเขาอยู่ที่อัลเลาะห์ แท้จริงพระองค์ไม่โปรดบรรดาผู้อธรรม แต่ถ้าผู้ใดแก้แค้นตอบแทนหลังจากได้รับความอธรรม ชนเหล่านั้นจะไม่มีทางตำหนิแก่พวกเขา  ส่วนที่จะเกิดโทษนั้นได้แก่บรรดาผู้ที่อธรรมต่อมนุษย์ และก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นในแผ่นดินโดยปราศจากความเป็นธรรม ชนเหล่านี้พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด และแน่นอนผู้ที่อดทนและให้อภัย แท้จริงนั่นคือส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่นมั่นคง (อัชชูรอ 39- 43)

            คำดำรัสของพระองค์ที่ว่า  และบรรดาผู้ที่เมื่อมีความยุติธรรมเกิดขึ้นแก่พวกเขา  พวกเขาก็แก้แค้นตอบแทน และการตอบแทนความชั่วคือความชั่วที่เสมอกัน  เป็นการเปิดเผยสิทธิของผู้มีศรัทธาในการแก้แค้นเมื่อถูกละเมิด และได้กำหนดกรอบของการแก้แค้น คือการตอบแทนที่เท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นกรอบที่จะไม่ยินยอมให้มีการละเมิด 

            หลังจากนั้นอัลเลาะห์ได้เสนอขั้นของความดี เพื่อเป็นการส่งเสริม โดยพระองค์ตรัสว่า  ดังนั้นผู้ใดให้อภัยและไกล่เกลี่ยให้คืนดีกัน รางวัลตอบแทนพวกเขาอยู่ที่อัลเลาะห์ จากนั้นติดตามด้วยคำประกาศว่าพวกที่ละเมิด จะไม่ได้รับการโปรดปรานจากอัลเลาะห์  แท้จริงพระองค์ไม่โปรดบรรดาผู้อธรรม  จากนั้นก็ประกาศสิทธิในการแก้แค้นของผู้ที่ถูกละเมิด  และประกาศอย่างจริงจังว่า  ผู้ละเมิดจะต้องได้รับการลงโทษในโลกนี้  และได้รับการทรมานอย่างแสนสาหัสในโลกหน้า  (อาคิเราะห์)  พระองค์อัลงเลาะห์ (.) ทรงตรัสว่า  :

 แต่ถ้าผู้ใดแก้แค้นตอบแทนหลังจากได้รับความอธรรม ชนเหล่านั้นจะไม่มีทางตำหนิแก่พวกเขา  ส่วนที่จะเกิดโทษนั้นได้แก่บรรดาผู้ที่อธรรมต่อมนุษย์ และก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นในแผ่นดินโดยปราศจากความเป็นธรรม ชนเหล่านี้พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด หลังจากนั้นก็ได้กล่าวถึงขั้นของความยุติธรรมซึ่งเป็นจุดเด่น  และยังมีการผลักดันอีกครั้งหนึ่งให้ไปสู่ระดับของการทำความดีด้วยการอดทน  และการให้อภัย  โดยการประกาศว่าการกระทำเช่นนั้น  เป็นเรื่องที่หนักแน่นมั่นคง   และแน่นอนผู้ที่อดทนและให้อภัย แท้จริงนั่นคือส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่นมั่นคง

         ลักษณะเหล่านี้มีมาในตัวบทที่ถูกนำมาเสนออย่างกลมกลืนกัน  จะสังเกตได้ว่าเป็นไปตามลำดับขั้นตอนของความนึกคิดที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง  และมีคำแนะนำต่างๆที่สูงส่ง  พร้อมทั้งระมัดระวัง  ความรู้สึกเจ็บปวดของผู้ที่ถูกกระทำ  และมองเห็นความรุนแรงของผู้ละเมิด  มีคำประกาศว่าสิทธิของผู้ถูกละเมิดต้องแก้แค้นตามความเป็นจริง  หลังจากนั้นก็ผลักดันให้พวกเขาเกิดความอดทนและการให้อภัย  ทั้งหมดนี้คือสีสันของวงจรระหว่างความยุติธรรมกับการสร้างความดี

        ในวันที่เข้าพิชิตนครมักกะห์  ท่านศาสดา (..) ได้กล่าวแก่ชาวกุเรช ซึ่งเป็นศัตรูของท่าน และขับไล่ท่านออกไปจากนครมักกะห์ว่า พวกท่านเห็นว่าฉันควรจะปฏิบัติกับพวกท่านอย่างไร ? พวกเขากล่าวว่า ท่านเป็นพี่น้องที่ประเสริฐ และเป็นลูกของพี่น้องที่ประเสริฐ ท่านศาสดาได้กล่าวขึ้นว่า ฉันขอกล่าวแก่พวกท่านเหมือนกับที่นบียูซุฟ ได้กล่าวแก่พี่น้องของเขาว่า  ไม่มีการประณามพวกท่านในวันนี้ พวกท่านจงไปกันเถิด พวกท่านถูกปลดปล่อยแล้ว

      ในอายะห์อื่น อัลกุรอานได้บรรยายเรื่องผลบุญของผู้ให้อภัยว่า :
{وَسَارِعُوا إِلَى مَغْفِرَةٍ مِنْ رَبِّكُمْ وَجَنَّةٍ عَرْضُهَا السَّمَاوَاتُ وَالْأَرْضُ أُعِدَّتْ لِلْمُتَّقِينَ * الَّذِينَ يُنْفِقُونَ فِي السَّرَّاءِ وَالضَّرَّاءِ وَالْكَاظِمِينَ الْغَيْظَ وَالْعَافِينَ عَنِ النَّاسِ وَاللَّهُ يُحِبُّ الْمُحْسِنِينَ} [آل عمران: 133، 134].

 และพวกเจ้าจงรีบเร่งกันไปสู่การอภัยจากองค์อภิบาลของพวกเจ้า และไปสู่สวรรค์ที่ความกว้างของมันนั้นคือบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดิน โดยที่มันถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ยำเกรง   ซึ่งพวกเขาบริจาคในยามที่สุขสบายและเดือดร้อน และบรรดาผู้ข่มโทสะ และบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ และอัลเลาะห์นั้นทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย ( อาลิอิมรอน 133 - 134)

การให้อภัยเป็นหลักฐานยืนว่ามีจิตใจที่งดงาม

            คนที่ให้อภัยผู้อื่นย่อมเป็นผู้ที่มีจิตใจสูงส่ง และงดงาม  มีความมุ่งมั่นสูง มีขันติธรรม  และมีความอดทน  มุอาวิยะห์ได้กล่าวว่า : พวกท่านจงมีความขันติธรรม และอดทน  จนกว่าพวกท่านจะมีโอกาส  และเมื่อพวกท่านมีโอกาส พวกท่านจงให้อภัย  และให้ความกรุณา

            ขณะเมื่ออับดุลมาลิก  บุตรมัรวาน  ได้นำเชลยศึกมา  อับดุลมาลิก  ได้ถามท่านรอญาอ์  ว่า  ท่านมีความเห็นเป็นอย่างไร ท่านรอญาอ์กล่าวว่า  : ความจริงอัลเลาะห์ได้มอบสิ่งที่ท่านรักให้แก่ท่านแล้วนั่นคือชัยชนะ  ดังนั้นท่านจงมอบสิ่งที่อัลเลาะห์รักให้แก่พระองค์เถิดนั่นคือการให้อภัย   ดังนั้นเขาจึงให้อภัยแก่เชลยศึกเหล่านั้นทั้งหมด

            การให้อภัยเป็นจรรยาของผู้ที่มีความเข้มแข็ง  ซึ่งเมื่อพวกเขามีความสามารถ  และอัลเลาะห์ให้ความสามารถแก่เขาที่จะจัดการกับผู้ที่ละเมิดพวกเขาได้ แต่พวกเขายอมให้อภัย

            ท่านอิหม่ามบุคอรีได้กล่าวไว้ในบทที่ว่าด้วย  การแก้แค้นผู้ละเมิดว่า  คำดำรัสของอัลเลาะห์ที่ว่า   และบรรดาผู้ที่เมื่อมีความอยุติธรรมเกิดขึ้นแก่พวกเขา  พวกเขาก็แก้แค้นตอบแทน”  อิบรอฮีม อันนะคออีย์ได้กล่าวว่า  : พวกเขารังเกียจที่จะเป็นผู้ที่ต่ำต้อย  ดังนั้นเมื่อพวกเขามีความสามารถล้างแค้น  พวกเขาจะให้อภัย

การให้อภัยจะทำให้ผู้ให้อภัยมีเกียรติ

            มนุษย์บางคนอาจคิดว่า  การไม่ดำเนินการตามสิทธิ์แก่ผู้ที่ละเมิดตนนั้นเป็นความตกต่ำ  และไร้เกียรติ  ความจริงแล้วมีบทบัญญัติที่ชัดเจนบ่งชี้ว่าการให้อภัย  จะทำให้ผู้ให้อภัยสูงส่ง  และจะทำให้เขามีเกียรติ  ท่านอบูฮุรอยเราะห์ได้รายงานว่า  ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (.) ได้กล่าวว่า  :

(ما نقصت صدقة من مال، وما زاد الله عبدًا بعفوٍ إلا عزًا، وما تواضع أحد لله إلا رفعه الله"
 [رواه مسلم].
การทำทานจะไม่ทำให้ทรัพย์ลดหย่อนลง  บ่าวของอัลเลาะห์ที่ให้อภัยจะได้รับเกียรติสูงขึ้น  ผู้ที่นอบน้อมถ่อมตน  อัลเลาะห์จะทรงยกย่องเขาให้สูงขึ้น”  รายงานโดยมุสลิม

            ผู้ที่สมควรได้รับการให้อภัยจากท่านคือ  ผู้ที่อยู่ร่วมกับท่านได้แก่  ภรรยา  บุตร  และคนรับใช้  ด้วยเหตุนี้อัลเลาะห์ ตาอาลา จึงได้บรรยายเรื่องภรรยา  และบุตรไว้เป็นพิเศษว่า  :

{ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِنَّ مِنْ أَزْوَاجِكُمْ وَأَوْلادِكُمْ عَدُوّاً لَكُمْ فَاحْذَرُوهُمْ وَإِنْ تَعْفُوا وَتَصْفَحُوا وَتَغْفِرُوا فَإِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَحِيمٌ} [التغابن:14].

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย แท้จริงในหมู่คู่ครองของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้านั้นมีบางคนเป็นศัตรูของพวกเจ้า ดังนั้นจงระมัดระวังในการปฏิบัติกับพวกเขา และถ้าหากพวกเจ้าอภัยและยกโทษ(ให้พวกเขา) แท้จริงอัลเลาะห์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”  (อัตตะฆอบุน 14)

            โดยปรกติแล้วหัวหน้าครอบครัวย่อมเริ่มทำความดี และปฏิบัติอย่างสุภาพอ่อนโยน แก่ภรรยา และบุตรของเขา  และเมื่อพบว่าคนในครอบครัวของเขากระทำความผิด  จนทำให้เขาโกรธอย่างรุนแรง  และลำบากที่จะให้อภัย  และยกโทษให้ได้  เพราะเขาจะถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการไม่ให้ความเคารพ  ไม่เชื่อฟัง  และเนรคุณ  ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษในเรื่องนี้ให้เขายกโทษและให้อภัยเพื่อทำให้เขาได้รับการอภัยโทษจากอัลเลาะห์ตาอาลา

            สำหรับคนรับใช้นั้นได้มีผู้เรียนถามท่านนบี (.) ว่า : พวกเราจะให้อภัยแก่คนรับใช้สักกี่ครั้ง ท่านนิ่ง ไม่ตอบมีผู้ถามท่านอีกแต่ท่านก็นิ่ง ไม่ตอบ  จนถูกถามเป็นครั้งที่สาม  ท่านจึงตอบว่า

" اعفوا عنه في كل يوم سبعين مرة "   [رواه أبو داود وصححه الألباني].

  พวกท่านจงให้อภัยเขา  วันละเจ็ดสิบครั้ง”  (รายงานโดยอบูดาวูด)




You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Popular Posts

featured Slider

Popular Posts

Like us on Facebook

ต่อไปนี้คือแบบฉบับของมวลมนุษยชาติ ที่เรามีความภูมิใจไว้นำเสนอ เพื่อให้เยาชนมุสลิมของเราได้ศึกษาและยึดถือเป็นแบบอย่าง และดำเนินชีวิตในท่ามกลางแสงสว่างจากการชี้นำของพวกเขา

Flickr Images



บทเรียนสั้นๆเหล่านี้กล่าวถึงเรื่อง “อุลูมุ้ลกุรอาน” ที่เราต้องการนำเสนอแก่กุลบุตรกุลธิดาของเรา ก่อนที่พวกเขาจะศึกษาวิชา “ตัฟซีร” เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลที่นักวิชาการทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ได้นำเสนอไว้ เพื่อรับใช้อัลกุรอาน