รุกุ่น ( องค์ประกอบสำคัญ ) ของการถือศิลอด

19:27:00

รุกุ่น ( องค์ประกอบสำคัญ ) ของการถือศิลอด


       การถือศิลอดจะเกิดขึ้นได้ต้องมีองค์ประกอบสำคัญสองประการ คือ :

       หนึ่ง - ตั้งเจตนา ( เนียต ) :

       คือตั้งเจตนาทำการถือศิลอดด้วยหัวใจ การใช้แต่ปากกล่าวถ้อยคำยังถือว่าใช่ไม่ได้ และไม่มีเงื่อนไขว่าต้องใช้ปากกล่าวถ้อยคำที่จะใช้ตั้งเจตนา หลักฐานที่ว่าการตั้งเจตนาเป็นองค์ประกอบสำคัญได้แก่ ฮาดิษที่ท่านนบี ( ซ.ล ) กล่าวว่า :

       ?การกระทำต่างๆที่จะมีผลใช้ได้นั้นต้องมีการตั้งเจตนา ? รายงานโดย บุคอรี ( 1 ) และมุสลิม ( 1908 )

       ถ้าหากเป็นการตั้งเจตนาเพื่อการถือศิลอดในเดือนรอมาดอน จำต้องประกอบด้วยสิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ :

       1.  ต้องตั้งเจตนาในเวลากลางคืน :

       คือต้องมีการตั้งเจตนาในเวลากลางคืนก่อนแสงอรุณขึ้น ถ้าหากไม่ได้มีการตั้งเจตนาเอาไว้ในตอนกลางคืน เช่นมาตั้งเจตนาภายหลังแสงอรุณขึ้นแล้ว การตั้งเจตนาใช้ไม่ได้ และเมื่อการตั้งเจตนาใช่ไม่ได้ การถือศิลอดก็ใช่ไม่ได้

       หลักฐานในเรื่องดังกล่าวได้แก่ฮาดิษที่ท่านนบี ( ซ.ล ) กล่าวว่า :

      ? ผู้ใดไม่ได้ตั้งเจตนาทำการถือศิลอดเอาไว้ในเวลากลางคืน ก็ไม่มีการถือศิลอดสำหรับเขา? รายงานโดย ดารุกุตนี ( 2/172 ) ดารุกุตนี กล่าวว่า ผู้รายงานฮาดิษนี้เชื่อถือได้ และรายงานโดย บัยฮะกี ( 4/202 )

       2.  ต้องระบุเจาะจงให้แน่ชัด :

       โดยต้องระบุประเภทของการถือศิลอดให้ชัดเจน หากเป็นการถือศิลอดในเดือนรอมาดอนเขาก็ต้องตั้งเจตนาว่า ? ข้าพเจ้าตั้งใจถือศิลอดในวันพรุ่งนี้เป็นฟัรดูเดือนรอมาดอน ? ถ้าหากเขาตั้งเจตนาว่าเป็นการถือศิลอดเฉยๆ โดยไม่ระบุไปว่าเป็นการถือศิลอดเดือนรอมาดอน การตั้งเจตนาของเขาใช้ไม่ได้ เพราะฮาดิษ ที่ว่า :

       ? การกระทำต่างๆ ที่จะมีผลใช้ได้นั้นต้องมีการตั้งเจตนา ? ที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ว่า :

       ? แต่ละคนจะได้รับสิ่งที่ตนตั้งเจตนาไว้ ? หมายความว่า การกระทำจะเป็นไปตามการตั้งเจตนาที่จะกระทำของเขา

       3.  ต้องตั้งเจตนาซ้ำ :

       หมายความว่าต้องมีการตั้งเจตนา ( เนียต ) ถือศิลอดทุกคืนก่อนแสงอรุณขึ้น สำหรับการถือศิลอดในวันถัดไป การตั้งเจตนาเพียงครั้งเดียว จะใช้กับการถือศิลอดตลอดทั้งเดือนไม่ได้ เพราะการถือศิลอดเดือนรอมาดอนไม่ใช่เป็นอีบาดะห์เดียว แต่เป็นหลายอีบาดะห์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ตลอดเดือน ซึ่งแต่ละอีบาดะห์ ต้องมีเจตนาที่เป็นอิสระต่อกัน ( 1)

        ส่วนการถือศิลอดที่เป็นสุนัตนั้น ไม่ได้มีเงื่อนไขว่าต้องตั้งเจตนา ( เนียต ) ในเวลากลางคืน และไม่มีเงื่อนไขว่าต้องระบุเจาะจง ดังนั้นการตั้งเจตนาก่อนตะวันคล้อยโดยที่เขายังไม่ได้กระทำการใดๆที่ทำให้เสียศิลอดเลยตั้งแต่แสงอรุณขึ้น หรือตั้งเจตนาถือศิลอดเฉยๆ สำหรับการถือศิลอดที่เป็นสุนัต ถือว่ามีผลใช้ได้แล้ว

      หลักฐานในเรื่องนี้ได้แก่ฮาดิษอาอะชะห์ ( ร.ด ) ท่านนบี ( ซ .ล ) ได้กล่าวแก่เธอในวันหนึ่งว่า :

       ? พวกท่านมีอาหารเช้าไหม? อาอิชะห์ตอบว่า ไม่มี ท่านกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นฉันถือศิลอด ? รายงานโดย ดารุกุตนี

----------------
(1) อนุญาตให้ตามมัซฮับ มาลิกี ได้ในเรื่องการเหนียตถือศีลอดตลอดทั้งเดือน  โดยเนียตในคืนแรกครั้งเดียว  เพื่อป้องกันการลืมเหนียตทุก ๆ คืน (ผู้แปล)


สอง : อดกลั้นไม่กระทำสิ่งที่จะทำให้เสียการถือศิลอด :

       สิ่งที่ทำให้เสียการถือศิลอดมีหลายประการ :

       1.  การกิน การดื่ม :

       เมื่อเกิดจากเจตนา ไม่ว่าอาหารหรือเครื่องดื่มจะเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม ถ้าหากเขากินและดื่มโดยลืมไปว่าตัวเองถือศิลอด ไม่ว่าจะกินและดื่มมากขนาดไหนก็ตาม การถือศิลอดของเขาก็ไม่เสีย

       หลักฐานในเรื่องนี้ได้แก่ฮาดิษอะบูฮุรอยเราะห์ ( ร.ด ) ว่า ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ( ซ.ล ) ได้กล่าวว่า :

       "ผู้ใดลืมขณะที่ถือศิลอด และเขาได้กินหรือดื่ม ให้เขาจงถือศิลอดให้ตลอดเถิดเพราะแท้ที่จริงอัลเลาะห์เป็นผู้ให้อาหารและน้ำดื่มแก่เขา " รายงานโดย มุสลิม ( 1155 ) และบุคอรี ( 1831 )

       2.  มีวัตถุเข้าไปถึงภายในจากทางทวารที่เปิด :

       คำที่ว่า วัตถุ หมายถึงสิ่งที่มองเห็นด้วยตา คำที่ว่าภายใน หมายถึง โพลงสมอง หรือลึกลงไปเกินลูกกระเดือกถึงกระเพาะและลำไส้ 

       คำที่ว่าทวารที่เปิด ได้แก่ ปาก รุหู รูทวารหน้า และทวารหลัง ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย 

       การหยอดหู ทำให้เสียการถือศิลอด เพราะหูเป็นทวารที่เปิด 

       การหยอดตา ไม่ทำให้เสียการถือศิลอด เพราะตาไม่ใช่ทวารเปิด 

       การสวนทวารหนัก ทำให้เสียการถือศิลอด เพราะรูทวารเปิด 

       การฉีดยาเข้าเส้น ไม่ทำให้เสียการถือศิลอด เพราะเส้นไม่ใช่ทวารเปิด 

       ทั้งนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องกระทำโดยเจตนา ถ้าหากกระทำโดยลืม ก็ไม่เกิดผลเสีย โดยเทียบเคียง ( กิยาส ) กับการกินและการดื่ม 

       หากแมลงวันหรือยุง หรือฝุ่นละอองตามทางเข้าไปถึงภายใน ก็ไม่เสียการถือศิลอดอีกเช่นกัน เพราะเป็นการยากลำบากที่จะป้องกันได้ 

       การกลืนน้ำลายตนเอง ก็ไม่ทำให้เสียการถือศิลอด ถ้าหากกลืนน้ำลายที่มีนายิสปะปนอยู่ เช่นคนที่มีเลือดออกที่เหงือก และเขาไม่ได้ล้างปากให้สะอาด แม้น้ำลายจะขาวก็ตาม ทำให้เสียการถือศิลอด 

       ถ้าหากบ้วนปากหรือสูดน้ำเข้าจมูกขณะอาบน้ำละหมาด น้ำที่บ้วนปากหรือที่ใช้สูดเข้าจมูกนั้นพลาดเข้าไปข้างใน ไม่ทำให้เสียการถือศิลอดถ้าหากเขาไม่ได้ทำให้น้ำเข้าปากหรือจมูกลึกเกินไปขณะบ้วนปากหรือสูดเข้าจมูก แต่ถ้าหากเขาปล่อยให้น้ำเข้าลึกเกินไปก็ทำให้เสียการถือศิลอด เพราะเขาได้กระทำสิ่งที่เป็นข้อห้ามไม่ให้กระทำขณะถือศิลอด 

       ถ้าหากมีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟัน และมันได้หลุดติดไปกับน้ำลายลงไปภายในโดยไม่ได้มีเจตนา ให้พิจารณาดังนี้ ถ้าเขาไม่สามารถแยกอาหารออกจากน้ำลาย และบ้วนอาหารทิ้งไปได้ ก็ไม่เสียการถือศิลอด เพราะสุดวิสัย และไม่เป็นผู้ประมาท และถ้าหากเขาสามารถแยกได้แต่ไม่ยอมแยกก็ถือว่า เสียการถือศิลอด เพราะเขาบกพร่องและประมาท 

       ถ้าหากถูกบังคับ ให้กินและดื่มก็ไม่เสียการถือศิลอดอีกเช่นเดียวกัน เพราะกระทำไปโดยไม่สมัครใจ


       3.  จงใจทำให้อาเจียน :

       การจงใจทำให้อาเจียน ถือเป็นสิ่งที่ทำให้เสียการถือศิลอด แม้ผู้ถืดศิลอดจะมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดกลับเข้าไปภายในอีกเลยก็ตาม แต่ถ้าหากเขาไม่สามารถฝืนการอาเจียนไว้ได้ ก็ไม่ทำให้เสียการถือศิลอดแม้จะรู้ว่ามีบางอย่างที่ออกมากลับเข้าไปภายในอีก โดยที่เขาไม่ได้เจตนาก็ตาม
หลักฐานในเรื่องนี้ได้แก่ฮาดิษที่อะบูฮูรอยเราะห์ (ร.ด) ได้รายงานว่า ท่านนบี ( ซ. ล ) กล่าวว่า :

       " ผู้ใดไม่สามารถฝืนการอาเจียนไว้ได้ ขณะที่เขาถือศิลอด เขาไม่จำเป็นต้องชดใช้ และหากเขาจงใจให้อาเจียน ให้เขาจงชดใชเถิด" นำออกรายงานโดย อะบูดาวูด ( 2380 ) ติรมีซี ( 720 ) และท่านอื่น

       4.  ร่วมประเวณีโดยเจตนา :

       แม้ไม่ถึงขั้นหลั่งอสุจิก็ตาม หลักฐานในเรื่องนี้ คือดำรัสของอัลเลาะห์ ตาอาลาที่ว่า :

       ( ท่านทั้งหลายจงกินและจงดื่ม จนกว่าเส้นด้ายสีขาว จากเส้นด้ายสีดำ ของแสงอรุณจะปรากฏแก่พวกท่านจากนั้นให้พวกท่านจงถือศิลอดให้ครบถึงกลางคืนเถิด และท่านทั้งหลายอย่าสัมผัสพวกนาง ขณะพวกท่านเอียะตีกาฟอยู่ในมัสยิด ) ( อัลบากอเราะห์ 187 )

       คำที่ว่าเส้นด้ายขาว คือ แสงอรุณของเวลากลางวัน คำที่ว่าเส้นด้ายดำ ความมืดของเวลากลางคืน คำที่แสงอรุณขึ้น หมายถึง แสงอรุณที่ขอบฟ้าซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกว่าสิ้นสุดเวลากลางคืนและเริ่มเข้าสู่เวลากลางวัน คำที่ว่า และท่านทั้งหลายอย่าสัมผัสพวกนาง หมายถึงอย่าร่วมประเวณีกับพวกนาง

       ถ้าหากได้ร่วมประเวณีโดยลืมว่าตนถือศิลอด ไม่ทำให้เสียการถือศิลอด โดยเทียบเคียง ( กียาส ) กับการกินและการดื่มโดยลืม

       5.  กระทำให้อสุจิหลั่ง :

       คือกระทำให้อสุจิหลั่งด้วยการสัมผัส จูบ เป็นต้น หรือโดยใช้มือ ถ้าหากผู้ถือศิลอดเจตนา กระทำก็ถือว่าเสียศิลอด ส่วนกรณีไม่สามารถอดกลั้นไม่ให้หลั่งได้ ก็ไม่เสียการถือศิลอด

       การจูบภรรยาขณะถือศิลอดในเดือนรอมาดอนถือเป็น มักรูห์ตะห์รีม สำหรับบุคคลที่การจูบของเขาทำให้เกิดความกำหนัด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงก็ตาม เพราะการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการล่อแหลมที่จะเสียศิลอดได้

       สำหรับการจูบไม่ก่อให้เกิดกำหนัด ที่ดียิ่งสำหรับเขาคือการไม่จูบเพื่อเป็นการปิดประตูที่จะนำไปสู่การเสียศิลอด

       มุสลิม ( 1106 ) ได้รายงานจากอะอีชะห์ ( ร.ด ) ว่า :

       " ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ( ซ . ล ) เคยจูบฉันขณะที่ท่านถือศิลอด จะมีใครในหมู่พวกท่านที่จะสามารถควบคุมความต้องการของตนเองได้ เหมือนกับที่ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ( ซ . ล ) ควบคุมความต้องการของท่าน"

        ผู้รู้กล่าวว่า คำพูดของอาอิชะห์ ( ร.ด ) หมายความว่า พวกท่านควรระมัดระวังเรื่องการจูบ พวกท่านอย่าสำคัญตนผิดว่าพวกท่านสามารถควบคุมความต้องการของตังเองได้เหมือนท่านนบี ( ซ . ล ) ที่ควบคุมความต้องการของตัวท่านได้ การจูบของท่านจึงไม่น่าไปสู่การหลั่งหรือเกิดกำหนัด แต่พวกท่านจะไม่สามารถเช่นนั้น

       6.  มีเลือดประจำเดือนหรือนิฟาส :

       เพราะเลือดทั้งสองเป็นอุปสรรคขัดขวางการถือศิลอด สตรีคนใดที่มีเลือดประจำเดือนหรือนิฟาสเกิดขึ้นในช่วงใดของเวลากลางวันขณะถือศิลอด ถือว่าเสียการถือศิลอดของนาง และจำเป็นนางต้องชดใช้ การถือศิลอดในภายหลัง บุคอรี ( 298 ) และมุสลิม ( 80 ) ได้รายงานจากอบีสะอีด ( ร.ด) ว่าท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ( ซ.ล ) ได้กล่าวถึงผู้หญิงขณะที่ท่านถูกถามเกี่ยวกับความบกพร่องในเรื่องศาสนาของนางว่า :

       " เมื่อนางมีเลือดประจำเดือน นางไม่ต้องละหมาด และไม่ต้องถือศิลอดไม่ใช่หรือ "

       7.  เป็นบ้าและสิ้นสภาพการเป็นอิสลาม :

       ทั้งสองประการนี้เป็นอุปสรรคที่จะทำให้การถือศิลอดมีผลใช้ได้ เพราะขาดคุณสมบัติ ของผู้ที่ทำอีบาดะห์

       ดังกล่าวมานี้ ผู้ที่ถือศิลอดจะต้องอดกลั้นไม่กระทำสิ่งที่ทำให้เสียการถือศิลอดต่างๆ เพื่อให้การถือศิลอดของตนมีผลใช้ได้ เริ่มตั้งแต่แสงอรุณขึ้น จนตะวันลับขอบฟ้า ถ้าหากผู้ถือศิลอดกระทำสิ่งที่ทำให้เสียการถือศิลอด โดยเชื่อว่าแสงอรุณยังไม่ขึ้น แต่ปรากฏว่าความเชื่อของเขาไม่ตรงความจริงการถือศิลอดของเขาใช่ไม่ได้ และเขาจะต้องอดอาหารตลอดวันนั้น เพื่อให้เกียรติแก่รอมาดอน และจะต้องชดใช้ในภายหลังด้วย

       และเช่นเดียวกับกรณีดังกล่าว ถ้าหากเขาละศิลอดในตอนค่ำโดยเชื่อว่าตะวันลับขอบฟ้าแล้ว แต่ปรากฏว่าตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า การถือศิลอดของเขาใช้ไม่ได้และจำเป็นต้องชดใช้ในภายหลัง

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Popular Posts

featured Slider

Popular Posts

Like us on Facebook

ต่อไปนี้คือแบบฉบับของมวลมนุษยชาติ ที่เรามีความภูมิใจไว้นำเสนอ เพื่อให้เยาชนมุสลิมของเราได้ศึกษาและยึดถือเป็นแบบอย่าง และดำเนินชีวิตในท่ามกลางแสงสว่างจากการชี้นำของพวกเขา

Flickr Images



บทเรียนสั้นๆเหล่านี้กล่าวถึงเรื่อง “อุลูมุ้ลกุรอาน” ที่เราต้องการนำเสนอแก่กุลบุตรกุลธิดาของเรา ก่อนที่พวกเขาจะศึกษาวิชา “ตัฟซีร” เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลที่นักวิชาการทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ได้นำเสนอไว้ เพื่อรับใช้อัลกุรอาน