พวงตัสบีฮ์ ซุนนะห์หรือบิดอะห์ ???

23:48:00

พวงตัสบีฮ์ ซุนนะห์หรือบิดอะห์ ???

ฮะดีษสะอัด บุตร อะบีวักกอส (.) ว่าตัวเขาพร้อมด้วยท่านนบี(.) ได้เข้าไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเบื้องหน้าของผู้หญิงคนนั้นมีเม็ดอินทผลัมหรือก้อนกรวดที่นางใช้นับตัสบีฮ์  ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (.) ได้กล่าวขึ้นว่า :   ฉันจะบอกเธอถึงสิ่งที่สะดวกแก่เธอยิ่งกว่านี้และประเสริฐกว่าการทำอย่างนี้ ? เธอจงกล่าวว่า :

มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์อัลเลาะห์เท่าจำนวนสิ่งที่พระองค์ได้สร้างไว้ในชั้นฟ้า
มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์อัลเลาะห์เท่าจำนวนสิ่งที่พระองค์ได้สร้างไว้ในหน้าแผ่นดิน
และมหาบริสุทธิ์แด่พระองค์อัลเลาะห์เท่าจำนวนสิ่งที่พระองค์เป็นผู้สร้าง
และอัลเลาะห์ทรงยิ่งใหญ่ เท่ากันนั้น
และไม่มีพระเจ้าที่ถูกสักการะโดยเที่ยงแท้เว้นแต่อัลเลาะห์เท่านั้น  เท่ากันนั้น
และไม่มีพลังอำนาจ และการเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากโดยพระองค์อัลเลาะห์  เท่ากันนั้น.

รายงานโดยฮากิม และฮากิมกล่าวว่าเป็นฮะดีษซอเฮียะฮ์ และท่านซะฮะบีย์ มความเห็นพ้องด้วย

            เป็นการยากที่จะกำหนดเวลาให้แน่นอนลงไปอย่างละเอียดว่า การเปลี่ยนลูกปัดที่ใช้แขวนคอมาเป็นพวงตัสบีฮ์ เพื่อวัตถุประสงค์ทางศาสนานั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคใด  นอกจากจะกล่าวได้เพียงว่าความคิดเรื่องพวงตัสบีฮ์นั้นมีเค้าโครงมาจากพวกสุมาเรี่ยนก่อน (5000) ปี 

       และแนวคิดนี้ได้ถ่ายถอดไปสู่อารยธรรมอื่นเช่นวัฒนธรรมอียิปต์โราณในยุคฟาโรห์  วัฒนธรรมอินเดีย และเปอร์เชีย และวัฒนธรรมต่อๆ มา  มนุษย์ในยุคโบราณได้ใช้วิธีการขัดถูและปรับวัสดุที่จะนำมาใช้เป็นลูกปัด และขึ้นให้เป็นรูปทรงต่างๆ เช่นรูปทรงกลม หรือรูปทรงอื่นๆ ต่อมาก็มีการเจาะรูลูกปัด และนำมาร้อยเรียงเข้าด้วยกันเป็นพวงด้วยเส้นเชือก และนี่ถือเป็นก้าวแรกของแนวคิดในการนำลูกปัดมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ความคิดในการร้อยเรียงลูกปัดให้เป็นเส้นยาวๆ ได้ก้าวเข้าสูารนำลูกปัดมาใช้ทางจิตวิญญาณหรือทางศาสนา. นักวิชาการบางคนกล่าวว่า : ลูกปัดหรือพวงตัสบีฮ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากอินเดีย โดยพวกฮินดูได้นำมาใช้เป็นเวลานานแล้วเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ

            สำหรับชาวอาหรับยุคก่อนอิสลามนั้นพวกเขามีวิธีการอย่างอื่นในการคิดคำนวณและในการนับจำนวน พวกเขาจะนับและคิดคำนวณโดยการใช้ก้อนกรวดและก้อนหินเพื่อให้ได้จำนวนที่แน่นอน คือถือเอาผลลัพธ์จากจำนวนก้อนกรวดที่มีอยู่ในครั้งสุดท้าย. และนี่คือวิธีการของคนทั่วๆ ไป.

            ชาวอาหรับใช้การนับและคำนวณด้วยการนับก้อนกรวดเล็กๆ ในเบื้องต้น ทั้งที่พวกเขามีความแตกฉานในวิชาคำนวณ วิชาเลขคณิต และวิชาสถิติซึ่งถูกบันทึกไว้ในยุคต่อมานับตั้งแต่ยุคอารยธรรมอาหรับและอิสลามชาวอาหรับก่อนยุคอิสลามรู้จักสร้อยคอ และพวงลูกปัด และได้นำมาใช้สอยกัน  ตรงจุดนี้เองที่พวกเราพบช่องทางที่นำไปสู่การนำลูกปัดมาใช้ในยุคอิสลามอย่างสอดคล้องกัน.และสมควรที่จต้องกล่าวถึงการใช้พวงตัสบีฮ์ ในอิสลามโดยไม่คำนึงว่าจะได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอื่น หรือเป็นความคิดริเริ่มของมุสลิมเอง. เป็นการนำมาใช้ที่ไม่มีผลเสียหายใดๆ ต่อศาสนาอิสลาม ซึ่งก็อาจมีผู้ตำหนิการใช้พวงตัสบีฮ์อยู่บ้างมาโดยตลอดในหลายศตวรรษที่ผ่านมาจนถึงยุคปัจจุบัน.

พวงตัสบีฮ์กับมุสลิมและการอนุญาตให้นำมาใช้

            สำหรับเป้าหมายต่างๆ ทางศาสนาในยุคแรกของศาสนาอิสลามนั้น ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์   (.) ได้นับตัสบีฮ์ด้วยองคุลีนิ้วมือของท่านเอง และท่านได้ส่งเสริมให้กระทำเช่นนั้น เช่นเดียวกับที่ท่านให้การรับรองการนับตัสบีฮ์ด้วยเม็ดอินทผลัม ดังปรากฏในฮะดีษสะอัด บุตร อะบีวักกอส ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น.

ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (.) ได้ให้การรับรองการกระทำของสตรีคนดังกล่าว โดยท่านไม่ได้ปฏิเสธ เป็นการชี้ชัดให้พวกเราได้ทราบถึงเป้าหมายของการใช้คือการ นับ”  และ จำนวนฮะดีษนี้ได้ชี้ให้พวกเราเห็นจำนวนอันมากมายในคำพูดของท่านที่ว่า : “ เท่าจำนวนสิ่งที่พระองค์ได้สร้างไว้ในชั้นฟ้า และในหน้าแผ่นดิน, เท่าจำนวนสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนั้นและเท่าจำนวนสิ่งที่พระองค์สร้าง “  แล้วใครจะเป็นผู้ทราบจำนวนแท้จริงของสิ่งเหล่านี้ได้.

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าท่านอะบู อัดดัรดาอ์, อะบูฮุรอยเราะห์, สะอัด บุตร อะบี วักกอส และอะบูซอฟียะห์ ก็มีเม็ดอินทผลัมและก้อนกรวดไว้นับในการตัสบีฮ์ ด้วยเช่นกัน.

ด้วยเหตุนี้นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า : การนับตัสบีฮ์ ด้วยองคุลีนิ้ว ประเสริฐกว่าการใช้พวงตัสบีฮ์ เพราะท่านนบี (.) ได้กระทำเช่นนั้น  แต่มีนักวิชาการบางท่านได้ให้ข้อสังเกตว่าที่กล่าวนั้นเป็นกรณีที่ผู้ตัสบีฮ์จะไม่ผิดพลาดในการนับจำนวนครั้งของตัสบีฮ์, ส่วนคนตัสบีฮ์ที่นับไม่ผิดพลาดนั้นมีน้อย.

ด้วยเหตุนี้นักวิชาการบางท่านจึงกล่าวว่า : ที่ดีแล้วสำหรับผู้ที่ตัสบีฮ์คราวละมากๆ เช่นหนึ่งพันหรือหลายๆพัน ควรจะใช้พวงตัสบีฮ์นับจำนวนที่เขาตัสบีฮ์เป็นประจำ  โดยไม่ต้องเปลี่ยนไปนับองคุลีนิ้วเพราะจะทำให้เกิดความพะวง  ส่วนการใช้พวงตัสบีฮ์นั้นจะทำให้จิตใจสงบและมีสมาธิ.

การอ้างอิงหลักฐานนี้ ได้มีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งนำไปอ้างเป็นหลักฐานว่าอนุญาตให้ใช้พวงตัสบีฮ์ได้ โดยอาศัยฮะดีษการนับลูกกรวดและเม็ดอินทผลัม และด้วยการรับรองของท่านนบี (.)ในเรื่องดังกล่าวโดยท่านไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งนี้เพราะไม่มีข้อแตกต่างกันระหว่างการนับเม็ดอินทผลัมเป็นเม็ดๆ หรือการนับเม็ดที่นำมาร้อยเป็นพวงแล้ว และยืนยันได้ด้วยการกระทำของชาวสลัฟ (คนในยุคสามร้อยปีที่นบีรับรองไว้) อีกทั้งไม่มีรายงานจากสะลัฟ และคอลัฟ (คนในยุคหลังสามร้อยปี)คนใดห้ามใช้พวงตัสบีฮ์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาส่วนใหญ่ยังใช้พวงตัสบีฮ์ นับอีกด้วย และไม่เห็นว่าการใช้พวงตัสบีฮ์เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแต่อย่างใด. มีรายงานว่าผู้รู้บางคนใช้พวงตัสบีฮ์นับตัสบีฮ์ของเขา ได้มีผู้ถามเขาว่า : ท่านกลัวอัลเลาะห์จะโกงท่านหรือ ผู้รู้ท่านนั้นกล่าวว่า : เปล่า ! แต่ฉันนับมันไว้เพื่ออัลเลาะห์.

และเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพวงตัสบีฮ์ ให้กลับไปไดูหนังสืออัลฮาวีย์ของอิหม่ามซุยูตีย์  ท่านได้เขียนสารฉบับหนึ่งอธิบายว่าอนุญาตให้ใช้พวงตัสบีฮ์ได้ โดยอ้างอิงฮะดีษที่มีาในเรื่องนี้ และรายงานที่ถ่ายทอดจากการกระทำของพวกสะลัฟที่มีคุณธรรม.

สำหรับในยุคปัจจุบันนี้มีทรรศนะของเชค อับดุลอะซีซ บินบาซ มุฟตีแห่งราชอาราจักรซาอุดิอาระเบีย รอฮิมะฮุ้ลลอห์ ได้ตอบคำถามเรื่องพวงตัสบีฮ์ผ่านรายการวิทยุ นูร อะลัดดัรบ์”  ว่า :   “ ไม่เป็นไรที่จะใช้พวงตัสบีฮ์ ในการนับตัสบีฮ์  แต่การใช้องคุลีนิ้วนับตัสบีฮ์นั้นประเสริฐกว่าเพราะมีตัวบทอยู่ในฮะดีษ

ชนิดและจำนวนเม็ดของพวงตัสบีฮ์ ในปัจจุบัน

พวงตัสบีฮ์ ส่วนใหญ่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีทั้งชนิดที่มี 33 และ 99 เม็ด  ที่เป็นเช่นนั้นเป็นการบ่งชี้ถึงอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ?

พวงตัสบีฮ์ ชนิดที่มี 99 เม็ด ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มันเกิดขึ้นจากเจตนาที่จะให้สอดคล้องกับจำนวนพระนามอันงดงามของอัลเลาะห์ 99 พระนามนั่นเอง, และสอดคล้องกับจำนวนที่ศาสนาต้องการให้กล่าวคำตัสบีฮ์, ตะฮ์มีด และตักบีร ชนิดละ 33 ครั้งภายหลังละหมาดฟัรดู ส่วนมากแล้วพวงตัสบีฮ์ชนิดนี้จะเรียกว่า พวงตัสบีฮ์ทางศาสนา เพราะมีจำนวนเท่ากับพระนามของอัลเลาะห์อันงดงาม.

ส่วนพวงตัสบีฮ์ ชนิดที่มี 33 เม็ดนั้น พวกเขาต้องการทำให้พวงตัสบีฮ์สั้นลง จากที่เคยมี 99 เม็ด  อีกทั้งทำให้มีน้ำหนักเบา และขนาดเล็กลง พวงที่มี 33 เม็ดนั้นเมื่อนับสามครั้งก็จะได้จำนวน 99 เหมือนกัน และครั้งสุดท้ายเป็นครั้งที่ครบ 100 นั้นก็จะกล่าวว่า :

ไม่มีพระเจ้าที่ถูกสักการะโดยเที่ยงแท้เว้นแต่อัลเลาะห์เพียงผู้เดียว โดยไม่มีคู่ภาคีสำหรับพระองค์ อำนาจการปกครองเป็นของพระองค์ มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์แด่พระองค์ และพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง

ที่กล่าวมาแล้วนี้หมายถึงพวงตัสบีฮ์ ที่มีเป้าหมายทางศาสนาโดยเฉพาะ ไม่ใช่พวงตัสบีฮ์ ที่มีไว้เพื่อการโอ้อวดและใช้เป็นเครื่องประดับ ปัจจุบันนี้พวงที่มี 33 เม็ด ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และมีชื่อเรียกว่า พวงตัสบีฮ์เศษหนึ่งส่วนสาม.

คัดย่อจากนิตยสารอัลฮัจญ์และอุมเราะห์

ลำดับที่สิบปีที่ 25 ประจำเดือน ซุ้ลฮิจญะห์ ปีฮ.. 1423 หน้าที่ 48-49









You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Popular Posts

featured Slider

Popular Posts

Like us on Facebook

ต่อไปนี้คือแบบฉบับของมวลมนุษยชาติ ที่เรามีความภูมิใจไว้นำเสนอ เพื่อให้เยาชนมุสลิมของเราได้ศึกษาและยึดถือเป็นแบบอย่าง และดำเนินชีวิตในท่ามกลางแสงสว่างจากการชี้นำของพวกเขา

Flickr Images



บทเรียนสั้นๆเหล่านี้กล่าวถึงเรื่อง “อุลูมุ้ลกุรอาน” ที่เราต้องการนำเสนอแก่กุลบุตรกุลธิดาของเรา ก่อนที่พวกเขาจะศึกษาวิชา “ตัฟซีร” เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลที่นักวิชาการทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ได้นำเสนอไว้ เพื่อรับใช้อัลกุรอาน